10 ปัญหาเมืองที่งานวิจัยชี้ว่าแก้ได้ด้วย AI สู่การสร้าง Smart Governance ที่โปร่งใสและมีประสิทธิภาพ

ปัจจุบัน เมืองต้องเผชิญกับปัญหาที่หลากหลายและซับซ้อน ตั้งแต่มลพิษ ภัยพิบัติ การจราจร ไปจนถึงขยะล้นเมือง ทำให้การบริหารจัดการแบบเดิมอาจไม่ทันกับกระแสแห่งการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น งานวิจัยเรื่อง “Artificial Intelligence in Smart Cities—Applications, Barriers, and Future Directions: A Review” โดย Radosław Wolniak และ Kinga Stecuła จาก Silesian University of Technology ชี้ให้เห็นว่า AI หรือปัญญาประดิษฐ์ กำลังกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการยกระดับ Smart Governance หรือการบริหารภาครัฐอัจฉริยะ อย่างเช่นในโปแลนด์พบว่า การใช้ AI ร่วมกับการตัดสินใจของมนุษย์ ช่วยเพิ่มทั้งประสิทธิภาพ ความโปร่งใส และการมีส่วนร่วมของประชาชนได้ดีกว่าการใช้ AI ทำแทนทั้งหมด
งานวิจัยนี้ได้กล่าวถึงการนำโซลูชัน AI มาแก้ 10 ปัญหาเมืองเพื่อยกระดับด้าน Smart Governance ที่ได้รับการยอมรับว่าช่วยแก้ปัญหาเมืองได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเริ่มมีการนำไปใช้จริงแล้วในหลายพื้นที่
1. แชตบอตบริการประชาชน
การนำ AI มาช่วยตอบคำถาม รับเรื่อง แจ้งเตือนประชาชน และให้บริการภาครัฐ ช่วยให้สามารถกระจายข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว และประชาชนเข้าถึงบริการภาครัฐได้ง่ายขึ้น อย่างเช่น บริการ AI Chatbot ผู้ช่วยตอบแชตอัจฉริยะ พร้อมรับเรื่อง และให้บริการภาครัฐแบบเรียลไทม์ โดยไม่ต้องรอเจ้าหน้าที่ พัฒนาโดยเบดร็อค อนาไลติกส์
2. การพยากรณ์อาชญากรรม
การใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลเชิงพื้นที่และพฤติกรรมอาชญากรรม เพื่อคาดการณ์จุดเสี่ยงอาชญากรรม ทำให้เมืองวางแผนป้องกันอาชญากรรมได้อย่างตรงจุด
3. ระบบสนับสนุนการตัดสินใจ
การนำระบบสนับสนุนการตัดสินใจที่มีข้อมูลเมืองอัปเดต ถูกต้อง และครอบคลุมมาใช้ในการบริหารจัดการเมือง จะช่วยให้เจ้าหน้าที่ตัดสินใจและวางแผนได้แม่นยำมากขึ้น เช่น แพลตฟอร์มดิจิทัลข้อมูลเมือง ศูนย์บัญชาการด้านข้อมูลให้กับเมือง ที่รวบรวมและเชื่อมโยงข้อมูลของเมืองไว้ในที่เดียว พัฒนาโดยเบดร็อค อนาไลติกส์
4. การตรวจจับการทุจริต
การนำ AI มาใช้ในการตรวจจับและป้องกันการทุจริตในกระบวนการทำงานขององค์กร ช่วยเพิ่มความโปร่งใส และเสริมความมั่นใจให้กับประชาชน เช่น แพลตฟอร์มภาษีอัจฉริยะ ระบบบริหารจัดการงานภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างและภาษีป้าย ที่มี AI ตรวจจับข้อมูลของป้ายและสิ่งปลูกสร้างอย่างแม่นยำ อีกทั้งยังช่วยวิเคราะห์และประเมินภาษีได้อย่างถูกต้อง โปร่งใส และเป็นธรรม
5. แพลตฟอร์มส่งเสริมการมีส่วนร่วม
การพัฒนาแพลตฟอร์มวิเคราะห์ความคิดเห็น ความต้องการ และข้อกังวลของประชาชน ช่วยให้ภาครัฐเข้าใจความต้องการ นำไปสู่การกำหนดนโยบายที่ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง
6. การประมวลผลเอกสารอัตโนมัติ
การนำ AI มาใช้ในการประมวลผลเอกสารโดยอัตโนมัติ เพื่อช่วยลดภาระงาน ลดข้อผิดพลาด และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของหน่วยงานภาครัฐ เช่น แพลตฟอร์มขออนุญาตและควบคุมอาคารอัจฉริยะ ที่มี AI ช่วยตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารในการยื่นขออนุญาต
7. การจดจำใบหน้าเพื่อความปลอดภัย
การใช้ระบบ AI ตรวจจับและระบุตัวตนผ่านใบหน้า จะช่วยยกระดับความปลอดภัยในพื้นที่สาธารณะ ลดความเสี่ยงจากอาชญากรรมและเหตุฉุกเฉิน
8. การวางผังเมือง
การนำ AI มาบูรณาการในกระบวนการวางผังเมือง ทั้งการวิเคราะห์ข้อมูลและการคาดการณ์แนวโน้ม เพื่อให้วางแผนพัฒนาเมืองได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน
9. ระบบจัดการจราจรอัจฉริยะ
การนำระบบ AI มาวิเคราะห์ความหนาแน่นของรถในแต่ละช่วงเวลา พร้อมปรับสัญญาณไฟจราจรให้เหมาะสมแบบอัตโนมัติ จะช่วยลดความแออัด และเพิ่มความคล่องตัวของการจราจรในเขตเมืองได้
10. การรับมือภัยพิบัติ
การใช้ AI ในการรับมือภัยพิบัติอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งการวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์ คาดการณ์ผลกระทบ และรับมือได้อย่างทันท่วงที เช่น แพลตฟอร์มจัดการภัยพิบัติ พัฒนาโดยเบดร็อค อนาไลติกส์ เป็นระบบบริหารจัดการภัยพิบัติสำหรับท้องถิ่น ที่มี AI วิเคราะห์ความเสี่ยง คาดการณ์ผลกระทบ แจ้งเตือน และวางแผนรับมือภัยพิบัติได้แบบเรียลไทม์
การใช้ AI ในการแก้ปัญหาเมือง ไม่เพียงช่วยให้การบริหารจัดการมีประสิทธิภาพ โปร่งใส และตอบสนองประชาชนได้ดียิ่งขึ้น แต่ยังเปิดโอกาสให้คนในพื้นที่มีส่วนร่วมพัฒนาเมืองของตนเองอย่างแท้จริง หากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหรือเมืองของคุณยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นนำ AI มาใช้พัฒนา Smart Governance ในจุดไหน สามารถใช้แนวทางข้างต้นที่มีวิจัยมาแล้วว่าได้รับความนิยมและใช้ได้จริงเป็นจุดเริ่มต้น หรือขอคำปรึกษาฟรีได้ที่ เบดร็อค อนาไลติกส์ อีเมล: contact@bedrockanalytics.ai หรือ LINE หรือ Facebook
ขอบคุณข้อมูล