Smart Factory โซลูชันเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและการเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืนในโลกยุคอุตสาหกรรม 4.0
ยุคอุตสาหกรรม 4.0 เป็นการนำเทคโนโลยีมาเพิ่มประสิทธิภาพในระบบอุตสาหกรรม เพื่อรักษาลูกค้า ลดต้นทุน เพิ่มการผลิต และเพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขันทางธุรกิจให้โรงงานสามารถเติบโตอยู่ได้อย่างยั่งยืน ซึ่งโรงงานจึงจำเป็นที่จะต้องปรับตัวให้เท่าทันกับบริบทโลกด้วยการยกระดับให้เข้าสู่ Smart Factory หรือโรงงานอัจฉริยะ
1. Smart Factory หมายถึงอะไร
Smart Factory หรือโรงงานอัจฉริยะ หมายถึงการนำเอาเทคโนโลยีเครื่องจักร รวมไปถึงปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ IoT (Internet of Things) มาใช้เป็นระบบพื้นฐานในโรงงาน ทั้งการบริหารจัดการงานและกระบวนการผลิต เพื่อให้การบริหารจัดการ ดำเนินการ และการผลิตเป็นระบบอัตโนมัติ (Automation) ทำให้ช่วยเพิ่มคุณภาพของสินค้า ประหยัดต้นทุนเวลาและกำลังคน รวมถึงสะดวกในการบริหารจัดการและการดูแลบำรุงรักษา
2. เทคโนโลยีสำคัญในการบริหารจัดการและควบคุมการผลิตใน Smart Factory
เมื่อพูดถึง Smart Factory หรือโรงงานอัจฉริยะ แน่นอนว่าจะต้องมีเทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยเทคโนโลยีสำคัญใน Smart Factory ที่จะทำให้การบริหารจัดการและควบคุมการผลิตของโรงงานมีประสิทธิภาพจะประกอบไปด้วย 2 เทคโนโลยีสำคัญ ดังนี้
1. IoT (Internet of Things)
IoT (Internet of Things) หรืออินเทอร์เน็ตในทุกสิ่ง เป็นระบบพื้นฐานที่เป็นหัวใจสำคัญของ Smart Factory โดยเป็นเครือข่ายอุปกรณ์ที่สามารถเชื่อมโยงและส่งข้อมูลถึงกันเองหรือระบบคลาวด์ได้ผ่านอินเทอร์เน็ต ทำให้ทุกคนในโรงงานเห็นภาพรวมเดียวกันว่า งานอยู่ในขั้นตอนใด ติดคอขวดอยู่ตรงไหน เครื่องจักรทำงานอย่างไร อยู่ในสถานะได้ เป็นต้น ซึ่งจะส่งผลให้ง่ายและเกิดความลื่นไหลในการบริหารจัดการ การสื่อสาร การดำเนินการผลิต ไปจนถึงการดูแลและบำรุงรักษา
2. ปัญญาประดิษฐ์ (AI)
ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และกลุ่มระบบอัตโนมัติ เป็นอีกเทคโนโลยีพื้นฐานที่สำคัญของโรงงานอัจฉริยะ ทั้งช่วยเรื่องการบันทึกข้อมูล การตรวจจับความผิดปกติ การวิเคราะห์และการประมวลผลการทำงาน ที่สำคัญนำมาใช้ในกระบวนการผลิตแบบอัตโนมัติด้วยการป้อนคำสั่งเพียงครั้งเดียวกระบวนการผลิตก็สามารถดำเนินการได้เอง อีกทั้งสามารถเรียนรู้ด้วยตนเองได้
3. องค์ประกอบของ Smart Factory มีอะไรบ้าง
หลักการออกแบบและการนำเทคโนโลยีมาใช้ใน Smart Factory แต่ละแห่งอาจมีความแตกต่างกัน แต่จะประกอบไปด้วย 4 หลักการสำคัญที่เหมือนกัน ดังนี้
1. Prediction
Prediction เป็นหลักการประมาณการผลิตล่วงหน้า ซึ่งจะเป็นการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการจัดการและวางแผนการใช้ทรัพยากรขององค์กร พร้อมเชื่อมโยงระบบงานขององค์กรเข้าด้วยกัน เพื่อให้สามารถวางแผนใช้ทรัพยากร และประมาณการผลิตได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพ อย่างเช่น Enterprise Resource Planning (ERP) เป็นต้น
2. Planning &. Scheduling
Planning & Scheduling เป็นหลักการต่อเนื่องมาจากการ Prediction โดยในขั้นตอนนี้จะเป็นการวางแผนและกำหนดการทำงาน ซึ่งจะเป็นการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการวางแผนการผลิตและการบริหารจัดการวัตถุดิบให้ตอบโจทย์และเพียงพอต่อความต้องการ เช่น Materials Requirements Planning (MRP) เป็นต้น
3. Analytic
Analytic เป็นหลักการวิเคราะห์การผลิต ซึ่งจะเป็นการนำเทคโนโลยีดิจิทัลหรือปัญญาประดิษฐ์มาใช้ในการวิเคราะห์ Big Data ที่มีคุณภาพจากหลักการ Planning & Scheduling เพื่อหาจุดคุ้มค่าในการผลิตและตัดสินใจได้อย่างแม่นยำมากขึ้น
4. Execution
Execution เป็นหลักการดำเนินการผลิต ซึ่งหลังจากที่ผ่านการวางแผน วิเคราะห์ และสรุปแผนการผลิตได้แล้ว ก็จะมาสู่ขั้นตอนในการดำเนินการผลิตแบบอัตโนมัติ โดยจะมีการใช้เครื่องจักรหรืออุปกรณ์ที่ติดตั้ง IoT Sensor และปัญญาประดิษฐ์มาใช้ดำเนินการผลิต เพื่อให้สามารถติดตามและเก็บข้อมูลการผลิตอย่างครบถ้วน แม่นยำ และเรียลไทม์ อีกทั้งการผลิตแบบระบบอัตโนมัติ ทำให้ช่วยลดกำลังคน เพิ่มความปลอดภัย ควบคุมการผลิตได้ง่าย และเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินการผลิตแบบองค์รวม
4. ประโยชน์ของ Smart Factory มีอะไรบ้าง
Smart Factory มีข้อดีมากมายในหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านการบริหารจัดการ การวางแผนงบประมาณ การดำเนินการผลิต การปรับปรุงคุณภาพ และการจัดการทรัพยากรบุคคล เป็นต้น โดยมีภาพรวมประโยชน์ของโรงงานอัจฉริยะ ดังนี้
1. ลดต้นทุนด้านทรัพยากรบุคคล
โรงงานอัจฉริยะสามารถช่วยลดจำนวนแรงงานคนและผู้เชี่ยวชาญในการผลิตได้ เนื่องจากมีการใช้ระบบอัตโนมัติ ปัญญาประดิษฐ์ และอุปกรณ์ IoT ในการดำเนินงานของโรงงาน ทั้งการวางแผน การผลิต การคาดการณ์สถานการณ์ และการซ่อมบำรุง จึงทำให้ใช้แรงงานคนน้อยลง แต่กำลังการผลิตยังเท่าเดิมหรือเพิ่มมากขึ้น
2. ลดความผิดพลาด
การนำเทคโนโลยีมาใช้ในโรงงานจะช่วยลดข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นจากการสื่อสารและการทำงานของมนุษย์ หรือที่เรียกว่า Human Error ได้ เนื่องจากเทคโนโลยีอัจฉริยะในโรงงานตามองค์ประกอบของโรงงานอัจฉริยะตามที่เสนอไป มักจะสามารถทำงานได้ด้วยตนเอง ตรวจจับและแจ้งเตือนเมื่อพบความผิดปกติ จัดระบบการดำเนินการ ตรวจสอบการทำงาน คาดการณ์สถานการณ์ รวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลช่วยตัดสินใจ รวมถึงแสดงผลของข้อมูลได้แบบทั่วถึง เพื่อลดข้อผิดพลาดในการสื่อสารได้
3. ลดต้นทุนเวลาในการผลิต
อีกหนึ่งข้อได้เปรียบของโรงงานอัจฉริยะที่ใช้ระบบอัตโนมัติในการผลิตก็คือความเร็วในกระบวนการผลิต เนื่องจากหากใช้แรงงานคนทั้งกระบวนการโดยไม่มีระบบอัตโนมัติเลย ไม่เพียงโอกาสที่จะเกิดข้อผิดพลาด แต่อาจมีความเหนื่อยล้าของมนุษย์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย จึงทำให้การผลิตไม่เร็วเท่ากับการใช้ระบบอัตโนมัติที่ไม่เหนื่อยล้า แล้วยังใช้ผู้ควบคุมเพียงไม่กี่คน จึงทำให้ผลิตได้เร็วขึ้น ได้ปริมาณเยอะขึ้น
4. ติดตามและตรวจสอบสินค้าหรือการทำงานได้ง่าย
ด้วยความที่โรงงานอัจฉริยะมักจะมีการติดตั้งอุปกรณ์ IoT จึงทำให้สามารถตรวจสอบและติดตามการทำงานเครื่องจักร หรือสินค้าได้แบบเรียลไทม์ ช่วยให้เห็นภาพรวมต่าง ๆ ได้ง่าย หากพบความผิดปกติก็จะแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว
5. เพิ่มความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจ
การนำเทคโนโลยีอย่างปัญญาประดิษฐ์มาใช้ในการจัดเก็บ รวบรวม และจัดระบบข้อมูลเชิงลึก พร้อมวิเคราะห์และคาดการณ์สถานการณ์ จะทำให้ระดับบริหาร หัวหน้า และฝ่ายพัฒนาสินค้าสามารถวางแผนการดำเนินงานและการพัฒนาสินค้าได้อย่างแม่นยำมากขึ้น นำไปสู่การเพิ่มความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจ ทั้งด้านการบริหารจัดการ การวางแผนงบประมาณ การดำเนินการผลิต การปรับปรุงคุณภาพ การพัฒนาสินค้า และการจัดการทรัพยากรบุคคล เป็นต้น ซึ่งจะทำให้ธุรกิจสามารถอยู่ได้ในระยะยาว
5. อยากยกระดับโรงงานสู่ Smart Factory ต้องเตรียมพร้อมอย่างไร
โรงงานอัจฉริยะมีข้อดีมากมาย แต่หลายครั้งการเริ่มต้นยกระดับโรงงานมักเกิดความสับสนเสมอว่าควรจะเริ่มจากตรงไหน Bedrock ทำสรุปเช็กลิสต์การยกระดับสู่ Smart Factory มาแนะนำเป็นแนวทาง
1. ศึกษาและตั้งเป้าหมาย
ขั้นแรกเลยก็คือการตั้งเป้าหมายว่าจะเข้าสู่ระบบ Smart Factory เพื่ออะไร จะปรับเปลี่ยนไปในแนวทางไหน มีความจำเป็นมากน้อยเท่าไร พร้อมศึกษาทำความเข้าใจเกี่ยวกับ Smart Factory เทคโนโลยี อุปกรณ์ เครื่องจักร งบประมาณและค่าใช้จ่ายทั้งหมด
2. สำรวจความพร้อม
เมื่อได้เป้าหมายและศึกษาถึงลักษณะของ Smart Factory แล้ว ก็ต้องทำการสำรวจความพร้อมของโรงงานว่ามีงบประมาณ บุคลากร และพื้นที่เพียงพอที่จะทำตามเป้าหมายหรือไม่ ก่อนที่จะเริ่มวางแผนหรือทำจริง
3. วางแผนในการเข้าสู่ Smart Factory
ขั้นต่อมาก็คือการวางแผนในการเข้าสู่ระบบ Smart Factory ว่าจะต้องใช้งบประมาณ บุคลากร และเทคโนโลยี รวมถึงเครื่องจักรอย่างไรและเท่าไร โดยควรมีทั้งแผนระยะสั้นและระยะยาวที่ชัดเจน
4. ทำความเข้าใจและฝึกอบรมให้แก่พนักงาน
การบริหารจัดการโรงงานมีบุคลากรที่เข้ามาเกี่ยวข้องจำนวนมาก ดังนั้นก่อนจะตัดสินใจลงมือทำ ควรจะทำความเข้าใจกับพนักงานถึงความจำเป็นและข้อดีของการเข้าสู่ระบบ Smart Factory เสียก่อน เพื่อให้พนักงานเข้าใจ ไม่ต่อต้าน และไม่กังวลกับสิ่งใหม่ที่จะเกิดขึ้น ขณะเดียวกันก็ควรฝึกอบรมการใช้เทคโนโลยีที่จะเกิดขึ้นให้แก่พนักงานก่อนจะนำระบบมาใช้งานจริง เพื่อให้พนักงานสามารถทำงานกับระบบใหม่ได้ทันทีแบบมีประสิทธิภาพ
5. ติดตั้งและทดสอบระบบ Smart Factory ในพื้นที่เฉพาะ
หลังจากเลือกเทคโนโลยีและฝึกอบรมพนักงานเรียบร้อย ก็จะเริ่มเข้าสู่ระบบ Smart Factory ก่อนที่จะใช้งานระบบต่าง ๆ จริง ควรจะมีการติดตั้งและทดสอบระบบทั้งหมดในพื้นที่เฉพาะก่อนว่าเรียบร้อยดีหรือไม่ ทดลองใช้งานเบื้องต้นแล้วเป็นอย่างไร หากเกิดปัญหาจะได้แก้ไขก่อนใช้งานจริง
6. ติดตั้งระบบและใช้งานจริง
หลังจากทดลองระบบในพื้นที่เฉพาะจนไม่พบปัญหาแล้ว ก็จะเข้าสู่การติดตั้งระบบในพื้นที่จริงทั้งหมด ทั้งนี้ทั้งนั้นควรจะทดสอบระบบครั้งสุดท้ายก่อนใช้งานอย่างเต็มรูปแบบอีกครั้งว่าสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่
7. ใช้ระบบ Smart Factory เต็มรูปแบบและติดตามผล
เมื่อเข้าสู่กระบวนการในการดำเนินการด้วยระบบ Smart Factory เต็มรูปแบบไปสักระยะหนึ่งแล้ว จะต้องคอยติดตามผลอย่างสม่ำเสมอว่าก่อนและหลังการนำระบบ Smart Factory ต่างกันอย่างไร มีส่วนไหนจะต้องปรับปรุงบ้างหรือไม่ เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
6. ตัวอย่างพื้นที่สนับสนุน Smart Factory ในไทย
Smart Factory หรือโรงงานอัจฉริยะ เป็นหนึ่งในการพัฒนาไทยให้เข้าสู่ยุคอุตสาหกรรม 4.0 ซึ่งในปัจจุบันมีหน่วยงานหนึ่งที่ได้จัดสรรพื้นที่และมีความพร้อมในการรองรับนักลงทุนและผู้ประกอบการที่ต้องการยกระดับสู่ Smart Factory นั่นก็คือพื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรมของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจสังกัดกระทรวงอุตสาหกรรม ที่จะขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมของประเทศไทยให้สามารถแข่งขันทางเศรษฐกิจในระดับภูมิภาค เพื่อสนับสนุนความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศอย่างยั่งยืนควบคู่กับการจัดการสิ่งแวดล้อมและการกระจายความเจริญทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม โดยปัจจุบัน กนอ. มีนิคมอุตสาหกรรมที่เปิดดำเนินการแล้ว 68 นิคมฯ กระจายอยู่ใน 16 จังหวัด ประกอบด้วย นิคมอุตสาหกรรมที่ กนอ.ดำเนินการเอง จำนวน 15 นิคม และนิคมอุตสาหกรรมที่ร่วมดำเนินงานกับผู้พัฒนา จำนวน 53 นิคมอุตสาหกรรม
สำหรับแนวทางการผลักดันและเร่งให้เกิดการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่จะเสริมสร้างศักยภาพการเติบโตให้เศรษฐกิจไทยเท่าทันและสอดรับกับกระแสโลกใหม่นั้น กนอ. ได้จูงใจให้ภาคเอกชนลงทุนในด้านโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลทั้งด้าน Hardware และ Software, โครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง, โครงสร้างพื้นฐานที่เอื้อต่อการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม และทุนมนุษย์ (Human Capital) โดยจะพัฒนานิคมอุตสาหกรรมของ กนอ. มีความพร้อมในด้านโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลและการบริหารจัดการบนพื้นฐานของ 4 ธาตุ คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ
-ดิน คือการจัดหาและพัฒนาที่ดินให้เพียงพอกับความต้องการของนักลงทุน เพื่อจัดตั้งเป็นนิคมอุตสาหกรรม ทั้งการดำเนินการเอง ร่วมทุน และร่วมดำเนินการ
-น้ำ คือการบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ สร้างหลักประกันว่าผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมจะมีน้ำใช้อย่างเพียงพอในต้นทุนที่เอื้อต่อการแข่งขันทางธุรกิจ พร้อมสามารถรับมือกับภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่กระทบและสร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้อื่น
-ลม คือการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมและมลภาวะทางอากาศ รวมถึงการจัดการขยะ โดยเน้นความปลอดภัยและสร้างความเชื่อมั่นต่อสาธารณชน
-ไฟ คือพลังงานที่มั่นคง จะมีการบริการโครงข่ายการสื่อสารโทรคมนาคมที่มีประสิทธิภาพ เพื่ออำนวยความสะดวกต่อการประกอบกิจการในนิคมอุตสาหกรรม
คงปฏิเสธไม่ได้ว่าการผลักดันโรงงานให้เข้าสู่ Smart Factory หรือโรงงานอัจฉริยะคือทางเลือกหนึ่งที่จะทำให้ธุรกิจสามารถเติบโตอยู่ได้อย่างยั่งยืน Bedrock จึงพร้อมสนับสนุนเทคโนโลยีอัจฉริยะในการยกระดับโรงงานของคุณสู่ Smart Factory ไม่ว่าจะเป็น ระบบ Enterprise Resource Planning (ERP) และแพลตฟอร์มดิจิทัลข้อมูลเมือง (City Digital Data Platform) เพื่อสร้าง Smart Map ในการบริหารจัดการข้อมูลเชิงลึก พร้อมติดตาม คาดการณ์ และดูภาพรวมการทำงานต่าง ๆ ที่ออกแบบให้เฉพาะโรงงานของคุณ สนใจสามารถติดต่อได้ที่อีเมล: [email protected] หรือ Line หรือ Facebook
ขอบคุณข้อมูล:
https://www.thairath.co.th/money/sustainability/esg_strategy/2762358