7 แนวทางจาก WHO ออกแบบนโยบายลดมลพิษ สร้างอากาศสะอาดในเขตเทศบาลของคุณ

เมื่อประเทศไทยเริ่มเข้าสู่ฤดูหนาว มลพิษทางอากาศ PM 2.5 มักจะกลับมาเป็นประเด็นที่กระทบชีวิตผู้คนอีกครั้ง ปัญหานี้ไม่เพียงทำให้ทัศนียภาพของเมืองหม่นมัว แต่ยังส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพของประชาชนทุกเพศทุกวัย ทั้งโรคระบบทางเดินหายใจ โรคหัวใจ และยังเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นให้เกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs)
องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า ในปี พ.ศ. 2562 มลพิษทางอากาศเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรกว่า 4.2 ล้านคนต่อปีทั่วโลก โดยส่วนใหญ่เกิดจากโรคหัวใจและหลอดเลือด โรคทางเดินหายใจ และโรคมะเร็งปอด ซึ่งภูมิภาคที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิกตะวันตก ซึ่งประเทศไทยก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย
หน่วยงานท้องถิ่นอย่าง “เทศบาล” ที่อยู่ใกล้ชิดกับชุมชน เข้าใจปัญหาในพื้นที่ และสามารถลงมือแก้ไขได้จริงในระดับพื้นที่ จึงมีบทบาทสำคัญในการยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน เบดร็อค อนาไลติกส์ ได้สรุป 7 แนวทางลดมลพิษและสร้างอากาศสะอาดจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ให้สามารถปรับใช้ได้จริงกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นของคุณ
1. ด้านอุตสาหกรรม
ภาคอุตสาหกรรมถือเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษทางอากาศที่สำคัญของเมือง การควบคุมและลดการปล่อยก๊าซมลพิษ จึงเป็นภารกิจที่หน่วยงานท้องถิ่นต้องให้ความสำคัญ เทศบาลสามารถร่วมมือกับภาคเอกชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำมาตรฐานการควบคุมการปล่อยมลพิษที่เข้มงวดมาใช้ พร้อมติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ทุกกิจกรรมอุตสาหกรรมเป็นไปตามข้อกำหนดและกฎหมาย
นอกจากนี้ ท้องถิ่นควรส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีสะอาดในโรงงาน เพื่อช่วยลดการปล่อยควันและของเสียสู่อากาศ รวมถึงกำหนดนโยบายจัดการขยะในเมืองและขยะทางการเกษตรอย่างยั่งยืน เช่น การเก็บกักก๊าซมีเทนจากบ่อขยะมาใช้เป็นพลังงานชีวภาพแทนการเผาทิ้ง ซึ่งไม่เพียงช่วยลดควันพิษ แต่ยังช่วยสร้าง อากาศสะอาด และลดภาระทางสิ่งแวดล้อมในระยะยาวได้

2. ด้านพลังงาน
การผลิตและการใช้พลังงาน เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะจากโรงไฟฟ้า การเผาไหม้เชื้อเพลิง และการใช้พลังงานในครัวเรือน เทศบาลจึงควรส่งเสริมพลังงานทางเลือกและการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและฝุ่นพิษ
แนวทางเริ่มต้นสามารถทำได้จากในหน่วยงานเทศบาลเอง เช่น การติดตั้งโซลาร์เซลล์ในสำนักงานและโครงสร้างพื้นฐานของเมือง เพื่อเป็นต้นแบบด้านพลังงานสะอาดให้ประชาชนเห็นเป็นรูปธรรม พร้อมทั้งรณรงค์ให้แต่ละครัวเรือนเข้าใจผลกระทบของพลังงานต่อคุณภาพอากาศ เช่น การใช้พลังงานหมุนเวียนในการทำอาหารและให้แสงสว่าง
นอกจากนี้ เทศบาลยังสามารถจัดโครงการสนับสนุนหรือให้เงินช่วยเหลือแก่ประชาชนที่ต้องการเปลี่ยนมาใช้พลังงานสะอาด เช่น โซลาร์เซลล์หรืออุปกรณ์ประหยัดพลังงาน ซึ่งไม่เพียงช่วยลดมลพิษ แต่ยังช่วยสร้างเมืองที่มีอากาศสะอาดด้วย
3. ด้านการคมนาคมและขนส่ง
การปล่อยควันและก๊าซจากยานพาหนะส่วนบุคคลเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของมลพิษทางอากาศ เนื่องจากประชาชนมักเลือกใช้รถยนต์ส่วนตัวมากกว่าการขนส่งสาธารณะ การวางนโยบายด้านคมนาคมและขนส่งจึงช่วยสร้างเมืองอากาศสะอาดได้ โดยเทศบาลสามารถดำเนินการได้หลายแนวทาง เช่น
- ขยายและพัฒนาเครือข่ายขนส่งสาธารณะ ให้สะดวก ปลอดภัย และเชื่อมโยงถึงทุกพื้นที่ เพื่อลดการพึ่งพารถยนต์ส่วนตัว
- ส่งเสริมการเดินเท้าและปั่นจักรยาน ด้วยการปรับปรุงทางเท้าและเลนจักรยานให้ปลอดภัยและน่าใช้
- เปลี่ยนระบบขนส่งสาธารณะเป็นรถไฟฟ้าหรือพลังงานสะอาด เพื่อช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน
- ส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และสนับสนุนการสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านสถานีชาร์จไฟฟ้าให้เพียงพอ
- รณรงค์การใช้รถร่วมกัน เพื่อลดจำนวนรถบนถนนและการปล่อยมลพิษ
- จัดเขตปล่อยมลพิษต่ำในพื้นที่ใจกลางเมือง เพื่อจำกัดการใช้รถยนต์ที่ปล่อยมลพิษสูง

4. ด้านการวางผังเมือง
พื้นที่สีเขียว คือหนึ่งในเครื่องกรองอากาศธรรมชาติที่ทรงพลังที่สุดของเมือง เพราะสามารถดูดซับฝุ่น คาร์บอนไดออกไซด์และมลพิษทางอากาศ พร้อมปล่อยอากาศสะอาดคืนสู่บรรยากาศ
ดังนั้น การออกแบบผังเมืองที่ให้ความสำคัญกับพื้นที่สีเขียว จึงเป็นแนวทางในการสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีต่อสุขภาพของประชาชน โดยเทศบาลสามารถดำเนินการได้หลากหลายแนวทาง เช่น เพิ่มพื้นที่สวนสาธารณะขนาดเล็กในเขตชุมชน, การปลูกต้นไม้ฟอกอากาศตลอดแนวถนน ทางเท้า และเกาะกลางถนน, การส่งเสริมให้ภาคเอกชนและประชาชนร่วมกันปลูกต้นไม้ในพื้นที่บ้านและอาคาร รวมถึงควรพัฒนาอาคารสาธารณะให้เป็นอาคารประหยัดพลังงานและใช้พื้นที่อย่างคุ้มค่า เพื่อช่วยลดการใช้พลังงาน ลดการปล่อยมลพิษ และเพิ่มคุณภาพอากาศให้ดีขึ้นแบบองค์รวม
5. ด้านการผลิตพลังงาน
การผลิตพลังงานที่อาศัยกระบวนการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิลในโรงงานและอาคารต่าง ๆ เป็นหนึ่งในแหล่งกำเนิดมลพิษทางอากาศที่สำคัญ เทศบาลจึงควรช่วยขับเคลื่อนผู้ประกอบการและประชาชนในพื้นที่ให้เปลี่ยนกระบวนการผลิตพลังงานแบบดั้งเดิมสู่การใช้เชื้อเพลิงที่ปล่อยมลพิษต่ำหรือพลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม และพลังงานน้ำ หรือส่งเสริมระบบผลิตพลังงานแบบกระจาย เช่น โครงการโซลาร์รูฟท็อป หรือมินิกริดในชุมชน รวมถึงการผลิตความร้อนและพลังงานร่วม เพื่อใช้พลังงานอย่างคุ้มค่าและลดการสูญเสีย
โดยเทศบาลต้องเริ่มใช้พลังงานสะอาดเหล่านี้ภายในหน่วยงานหรือสถานที่ราชการก่อน เช่น สำนักงานเทศบาล โรงเรียน หรือระบบไฟถนน เพื่อเป็นตัวอย่างให้เห็นถึงผลลัพธ์ในการสร้างเมืองอากาศสะอาดที่ยั่งยืน

6. ด้านการจัดการขยะในเขตเทศบาลและทางการเกษตร
การจัดการขยะที่ไม่เหมาะสม โดยเฉพาะการเผาขยะในที่โล่ง เป็นสาเหตุสำคัญของการปล่อยมลพิษและก๊าซพิษที่กระทบต่อคุณภาพอากาศในเขตเทศบาล
เทศบาลควรพัฒนาระบบจัดการขยะครบวงจร ตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง โดยส่งเสริมให้ประชาชนคัดแยกขยะตั้งแต่ต้นทาง ตามหลัก 3Rs (Reduce, Reuse, Recycle) และจัดเก็บขยะแต่ละประเภทอย่างเหมาะสม เช่น ขยะทั่วไป ขยะรีไซเคิล และขยะอันตราย เพื่อให้เข้าสู่กระบวนการจัดการที่ถูกวิธี ที่สำคัญต้องกระตุ้นให้เกิดการลดการเผาขยะและเศษวัสดุทางการเกษตร และการนำกลับมาใช้ประโยชน์ เช่น การทำปุ๋ยอินทรีย์หรือพลังงานชีวภาพ โดยเทศบาลสามารถนำแนวทางจากกรณีศึกษาที่เบดร็อค อนาไลติกส์ เคยรวบรวมไว้ในบทความ 6 ชุมชนต้นแบบบริหารจัดการขยะ มุ่งสู่เมืองน่าอยู่อย่างยั่งยืน มาเป็นไอเดียการพัฒนาระบบการจัดการขยะในพื้นที่กันได้นะครับ
7. ด้านสุขภาพและการมีส่วนร่วมของชุมชน
การแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะในด้านของสุขภาพ จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคธุรกิจ และประชาชนในพื้นที่
เทศบาลควรเริ่มจากการสร้างความตระหนักรู้และให้ความรู้แก่ประชาชนและผู้ประกอบการเกี่ยวกับผลกระทบต่อสุขภาพจากมลพิษทางอากาศ พร้อมแนะแนวทางการลดมลพิษในชีวิตประจำวันและกระบวนการทางธุรกิจ เช่น การลดการเผา การใช้พลังงานสะอาด และการมีส่วนร่วมในกิจกรรมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่ รวมถึง อสม. ก็ควรร่วมมือกันขับเคลื่อนการเฝ้าระวังสุขภาพประชาชนกลุ่มเสี่ยง ควบคู่กับการผลักดันนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน เพื่อให้คนในชุมชนได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีอากาศสะอาด ปลอดภัย และดีต่อสุขภาพ

การสร้างอากาศสะอาดอย่างยั่งยืนตามแนวทางองค์การอนามัยโลก (WHO) จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยหากขาดระบบตรวจวัดคุณภาพอากาศแบบเรียลไทม์ เพื่อเป็นฐานข้อมูลสำคัญสำหรับการวางแผนและวิเคราะห์ผลอย่างแม่นยำ
เบดร็อค อนาไลติกส์ พร้อมสนับสนุนทุกเทศบาลที่ต้องการลดมลพิษทางอากาศด้วย “แพลตฟอร์มดิจิทัลข้อมูลเมือง" ศูนย์บัญชาการด้านข้อมูลของเทศบาล ที่เชื่อมโยงอุปกรณ์ IoT ตรวจวัดคุณภาพอากาศ เข้าสู่ระบบกลาง พร้อมวิเคราะห์และแสดงผลข้อมูลอย่างอัจฉริยะผ่านแดชบอร์ด 3 มิติ เพื่อออกนโยบายและมาตรการสร้างอากาศสะอาดที่ตรงจุด หากสนใจติดต่อได้ที่อีเมล: [email protected] หรือ Line หรือ Facebook
ขอบคุณข้อมูล:
https://www.who.int/news-room/fact-sheets/detail/ambient-(outdoor)-air-quality-and-health