เสาอัจฉริยะ (Smart Pole) เทคโนโลยีที่ช่วยสนับสนุนการสร้างเมืองอัจฉริยะ 7 ด้าน

ที่ผ่านมาเสาไฟฟ้าที่เราเห็นกันบ่อย ๆ มักมีหน้าที่แค่ให้แสงสว่างเท่านั้น แต่ในปัจจุบันเสาไฟฟ้าเปลี่ยนไปสู่รูปแบบของเสาอัจฉริยะ (Smart Pole ) ที่มีหลากหลายหน้าที่ เพื่อให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เสาที่ว่านี้นอกจากให้แสงสว่างแล้วยังทำอะไรได้บ้าง ที่สำคัญในเมืองไทยของเรา มีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเริ่มนำมาใช้กันอย่างแพร่หลาย เพื่อสร้างความปลอดภัยและความสุขที่ยั่งยืนให้แก่ประชาชน
เสาอัจฉริยะ (Smart Pole) คืออะไร
เสาอัจฉริยะ (Smart Pole) คือ เสาไฟฟ้าหรือเสาที่นำอุปกรณ์เทคโนโลยีมาติดตั้งที่เสาด้วย เพื่อเพิ่มประโยชน์ใช้สอยของเสานั้น ๆ ให้มากขึ้น ซึ่งอุปกรณ์ที่อยู่บนเสาอัจฉริยะหรือ Smart Pole นั้นจะทำการส่งข้อมูลไปยังศูนย์บัญชาการส่วนกลาง เพื่อมอนิเตอร์สถานการณ์แบบเรียลไทม์ แก้ปัญหา รวมทั้งเก็บข้อมูลเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ต่อในด้านต่าง ๆ โดยอุปกรณ์เทคโนโลยีหรือ IoT ที่มักจะนำมาติดตั้งที่ Smart Pole หรือเสาอัจฉริยะ อย่างเช่น
- ระบบไฟส่องสว่างที่สามารถควบคุมหรือตั้งค่าเวลาเปิดปิดได้
- โซลาร์เซลล์ เพื่อเก็บพลังงานแสงอาทิตย์ในตอนกลางวัน และแปลงเป็นพลังงานไฟฟ้าให้แสงสว่างในตอนกลางคืน รวมถึงอาจใช้เป็นจุดบริการไฟสำรองได้ด้วย
- อุปกรณ์ตรวจวัดอุณหภูมิและคุณภาพอากาศ เช่น อุณหภูมิ พยากรณ์อากาศ ความชื้น ความเร็วลม ค่าฝุ่น PM2.5 เป็นต้น
- จุดให้บริการอินเทอร์เน็ตไร้สาย เช่น Wifi Hotspot สัญญาณ 5G
- กล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) หรือสัญญาณแจ้งเตือน
- ป้ายดิจิทัลเพื่อประชาสัมพันธ์ข้อมูล เช่น ข่าวสาร กิจกรรม ตารางรถสาธารณะที่แสดงผลแบบเรียลไทม์
- ปุ่มโทรฉุกเฉินที่มีอุปกรณ์สื่อสารประเภทไมโครโฟนและลำโพงอยู่ เพื่อขอความช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมง
- USB Charger ช่องสำหรับบริการชาร์จอุปกรณ์ต่างๆ
- Charging Station สถานีชาร์จรถไฟฟ้า
ประโยชน์ที่ท้องถิ่นจะได้รับเมื่อติดตั้ง Smart Pole หรือเสาอัจฉริยะ
ด้วยความที่เสาอัจฉริยะมีหลายฟังก์ชันการใช้งานในเสาเดียว จึงช่วยสร้าง “คุณภาพชีวิตที่ดี” หรือ “Smart Living” ให้กับประชาชนและท้องถิ่นในหลากหลายแง่มุม ไม่ว่าจะเป็น
1. สำรวจความเรียบร้อยของเมือง ด้วยการมอนิเตอร์สถานการณ์เรียลไทม์จากกล้องวงจรปิด รวมถึงดูข้อมูลย้อนหลัง เพื่อคาดการณ์และวางแผนป้องกันเหตุไม่คาดคิดที่อาจเกิดขึ้น
2. ใช้ถนนอย่างปลอดภัยและป้องกันอุบัติเหตุ เสาไฟอัจฉริยะมักจะสามารถควบคุมการเปิด-ปิดไฟ ปรับความสว่างหรือสีไฟ พร้อมเช็กสถานะของการใช้งานได้ตลอดเวลา จึงทำให้สามารถกำหนดไฟส่องสว่างได้อย่างเหมาะสมกับสถานการณ์
3. แจ้งเตือนประชาชน เสาอัจฉริยะมักมีการติดตั้งไมโครโฟนและลำโพง พร้อมเชื่อมต่อไปยังศูนย์บัญชาการส่วนกลางอยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อเกิดเหตุขึ้น เช่น อุบัติเหตุ ไฟไหม้ น้ำท่วม ค่าฝุ่นพิษ เสาอัจฉริยะก็จะสามารถส่งสัญญาณแจ้งเตือน พร้อมประกาศแจ้งวิธีปฏิบัติตัวได้และกระจายทั่วทุกพื้นที่ได้อย่างรวดเร็ว
4. เพิ่มการมีส่วนร่วมและเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของประชาชน เสาอัจฉริยะที่ติดตั้งจอประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารและอุปกรณ์ตรวจวัดต่าง ๆ จะทำให้ประชาชนมีส่วนร่วมและเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของประชาชนได้ง่ายและสะดวกขึ้น เช่น ดูตารางรถสาธารณะ ดูค่าฝุ่นพิษ ดูพยากรณ์อากาศ สภาพการจราจร ข่าวสารทั่วไป หรือประชาสัมพันธ์กิจกรรม
5. จุดรับแจ้งเรื่องร้องทุกข์และเหตุด่วนเหตุร้าย เสาอัจฉริยะมักมีการติดตั้งไมโครโฟนและลำโพง พร้อมเชื่อมต่อไปยังศูนย์บัญชาการส่วนกลาง อีกทั้งยังมีกล้อง CCTV ที่ติดตั้งอยู่ ดังนั้นเมื่อมีเรื่องร้องทุกข์หรือเกิดเหตุด่วนเหตุร้าย ประชาชนก็เพียงแค่การกดปุ่มเพื่อแจ้งเหตุหรือขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ได้อย่างง่ายได้
6. เพิ่มอัตราการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตให้กับประชาชนในพื้นที่ ด้วยความที่เสาอัจฉริยะสามารถเป็นจุดบริการอินเทอร์เน็ตให้กับประชาชนได้ จึงทำให้ประชาชนหรือนักท่องเที่ยวในพื้นที่เข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ง่ายขึ้น เพราะเสาอัจฉริยะที่ติดตั้งอุปกรณ์กระจายสัญญาณ Wi-Fi หรือ 5G จะสามารถให้บริการอินเทอร์เน็ตแก่ประชาชนในระยะสัญญาณได้
7. กระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ ด้วยความที่เสาอัจฉริยะมีฟังก์ชันมากมาย จึงเอื้อต่อการพัฒนาเศรษฐกิจในชุมชน และกระตุ้นการท่องเที่ยว ทั้งในเรื่องการอำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิต การติดต่อสื่อสารที่คล่องตัว รวมถึงความปลอดภัยและความอุ่นใจว่าจะได้รับการป้องกันเหตุร้าย และได้รับความช่วยเหลืออย่างรวดเร็วเมื่อเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าจะช่วยดึงดูดการลงทุนและนักท่องเที่ยวตามไปด้วย
8. ได้ข้อมูลไปต่อยอดในการบริหารจัดการเมือง อย่างที่บอกไปว่าบางอุปกรณ์ IoT ที่ติดบนเสาอัจฉริยะจะส่งข้อมูลไปยังศูนย์บัญชาการข้อมูลของท้องถิ่น ซึ่งจะทำให้ท้องถิ่นได้คลังข้อมูลทั้งอดีต ปัจจุบัน และมีการอัปเดตอยู่เสมอ โดยหากนำข้อมูลเหล่านั้นไปวิเคราะห์ต่อ ก็จะได้แนวทางในการพัฒนาเมืองและกำหนดนโยบายได้อย่างตรงจุด
ตัวอย่างองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีการติดตั้งเสาอัจฉริยะ
ปัจจุบัน Smart Pole หรือเสาอัจฉริยะ เริ่มได้รับความนิยมในประเทศไทย โดยหลายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเริ่มนำมาใช้ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ โดยเฉพาะในเรื่องการให้แสงสว่างแบบประหยัดพลังงาน ตรวจตราพื้นที่ และรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน รวมถึงการแจ้งเตือนประชาชน และการรับเรื่องร้องทุกข์จากประชาชนด้วย อย่างเช่น
เทศบาลนครหาดใหญ่
เพื่อให้เมืองบริหารจัดการด้าน Smart Energy ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยประหยัดพลังงาน ลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาและการจัดการ เทศบาลนครหาดใหญ่จึงติดตั้ง Smart IoT Street Lighting หรือโคมไฟถนนอัจฉริยะ บนถนนสามชัย โดยสามารถปิด-เปิดแบบอัตโนมัติ ทั้งยังสั่งการและแจ้งเตือนผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์และประหยัดพลังงานไฟฟ้าด้วย
เทศบาลนครพิษณุโลก
เพื่อเปลี่ยนแปลงเมืองให้เข้าสู่ Smart City พัฒนาด้านการท่องเที่ยว และเพิ่มมาตรฐานด้านความปลอดภัยให้กับเมือง เทศบาลนครพิษณุโลกจึงติดตั้งเสาอัจฉริยะ (Smart Pole) ทั่วเมือง ซึ่งสามารถปล่อย WiFi, ติดกล้องโทรทัศน์วงจรปิด, วัดปริมาณฝุ่น, บันทึกเสียงรับเรื่องร้องเรียน พร้อมสัญญาณขอความช่วยเหลือ โดยกดปุ่มข้อมูลจะส่งไปที่เทศบาลนครพิษณุโลกทันที
เทศบาลนครสงขลา
เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนในการแจ้งเหตุด่วนเหตุร้ายและป้องกันอาชญากรรม พร้อมสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยว เทศบาลนครสงขลาจึงติดตั้งเสาไฟอัจฉริยะ หรือ Smart Pole บริเวณถนนชลาทัศน์ (วงเวียนประติมากรรมคนอ่านหนังสือ) โดยที่เสาจะติดตั้งไฟให้แสงสว่าง กล้องวงจรปิด ปุ่มแจ้งเหตุด่วนเหตุร้าย และที่ชาร์จแบตโทรศัพท์
เทศบาลนครอุบลราชธานี
เพื่อป้องกัน แก้ไข และช่วยเหลือเหตุร้ายที่เกิดขึ้นในพื้นที่ เทศบาลนครอุบลราชธานีจึงได้ติดตั้งเสาแจ้งเหตุอัจฉริยะ (Smart Pole) ทั่วเมือง ซึ่งช่วยให้ประชาชนสามารถแจ้งเหตุด่วนเหตุร้ายหรือแจ้งร้องทุกข์ทั่วไปได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องใช้โทรศัพท์ โดยเมื่อประชาชนกดปุ่มที่เสาซึ่งมีลำโพง ไมโครโฟน และกล้องวงจรปิด (CCTV AI Analytical) ติดตั้งอยู่ ก็จะสามารถพูดคุยแจ้งเหตุกับเจ้าหน้าที่ผ่านวิดีโอคอล เพื่อรับการช่วยเหลือได้อย่างทันที อีกทั้งยังสามารถประชาสัมพันธ์ข่าวสารหรือแจ้งเตือนประชาชน ด้วยเครื่องขยายเสียงที่อยู่บนเสาด้วย
เสาอัจฉริยะ (Smart Pole) คืออีกหนึ่งเทคโนโลยีที่ผสมผสานขึ้นมา เพื่อทำให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใช้เป็นเครื่องมือสร้างเมืองอัจฉริยะได้ทั้ง 7 ด้าน ซึ่งหากท้องถิ่นใดที่จะนำมาใช้ อย่าลืมตรวจสอบความต้องการของประชาชน และวิเคราะห์ Painpoint ที่แท้จริงของท้องถิ่นก่อนนะครับ จะได้เลือกอุปกรณ์อัจฉริยะที่จะติดตั้งได้อย่างตรงจุด และสามารถสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี ความเป็นอยู่ที่ดี ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้กับประชาชนได้อย่างแท้จริง
ขอบคุณภาพประกอบและข้อมูล
https://www.facebook.com/PR.HatyaiCity
https://www.facebook.com/prphsmun