ภาษีป้าย 2567 จ่ายเมื่อไร ที่ไหน เท่าไร และมีเครื่องมือใดช่วยจัดเก็บให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น

หลักเกณฑ์ในการจัดเก็บภาษีป้าย 2567 ต้องจ่ายเท่าไร ใครบ้างที่ต้องจ่าย มีขั้นตอนการชำระอย่างไรบ้าง เรามาทำความรู้จักกับภาษีป้าย พร้อมอัปเดตอัตราภาษีป้าย พร้อมวิธีคำนวณภาษี 2567 กันครับว่ามีอะไรบ้าง แล้วควรจะวางแผนการทำป้ายและการชำระภาษีป้ายกันอย่างไรให้ประหยัดที่สุด
1. ภาษีป้ายคืออะไร
ภาษีป้าย คือ ภาษีที่จัดเก็บจากป้ายแสดงชื่อ ยี่ห้อ หรือเครื่องหมายที่ใช้ประกอบการค้าหรือประกอบกิจการอื่น รวมถึงโฆษณาการค้าหรือกิจการอื่นเพื่อหารายได้ในทุกรูปแบบและทุกวัตถุ ทั้งอักษรภาพ เครื่องหมายที่เขียนแกะสลัก จารึก หรือทำให้ปรากฏด้วยวิธีอื่น รวมถึงป้ายในห้างสรรพสินค้าที่มีขนาดเกิน 3 ตารางเมตรด้วย
2. ใครที่ต้องจ่ายภาษีป้าย 2567
ผู้มีหน้าที่เสียภาษีป้ายในปี 2567 ก็คือ เจ้าของป้าย หากไม่มีเจ้าของป้ายมายื่นแบบแสดงรายการภาษีป้าย (ภ.ป.1) หรือเจ้าพนักงานหาตัวเจ้าของป้ายไม่พบ หน้าที่ในการจ่ายภาษีป้ายนั้น ๆ จะตกเป็นของผู้ครอบครองป้าย ซึ่งอาจเป็นผู้ที่มายื่นแบบแสดงรายการภาษีป้าย (ภ.ป.1) ป้ายนั้น ๆ หรือเจ้าของหรือผู้ครอบครองอาคาร หรือเจ้าของที่ดินป้ายที่นั่นติดตั้งหรือแสดงอยู่ตามลำดับ
3. ป้ายแบบไหนต้องเสียภาษีป้าย 2567
สำหรับรูปแบบป้ายที่จะต้องเสียภาษีป้ายปี 2567 ก็คือ ป้ายแสดงชื่อยี่ห้อหรือเครื่องหมายแสดงหรือโฆษณาไว้ที่วัตถุใด ๆ เพื่อใช้ประกอบการค้าหรือกิจการอื่นเพื่อหารายได้ ทั้งลักษณะตัวอักษร ภาพ หรือเครื่องหมายที่เขียนแกะสลัก จารึก หรือทำให้ปรากฎด้วยวิธีอื่น
4.ป้ายแบบไหนไม่ต้องเสียภาษีป้าย 2567
สำหรับรูปแบบป้ายที่ไม่ต้องจ่ายภาษีป้าย 2567 นั้น ได้มีกำหนดเอาไว้ในพระราชบัญญัติภาษีป้าย พ.ศ. 2510 ซึ่งสรุปได้ ดังนี้
1. ป้ายที่แสดงไว้ ณ โรงมหรสพและบริเวณของโรงมหรสพนั้นเพื่อโฆษณามหรสพ
2. ป้ายที่แสดงไว้ที่สินค้าหรือที่สิ่งหุ้มห่อหรือบรรจุสินค้า
3. ป้ายที่แสดงไว้ในบริเวณงานที่จัดขึ้นเป็นครั้งคราว
4. ป้ายที่แสดงไว้ที่คนหรือสัตว์
5. ป้ายที่แสดงไว้ภายในอาคารที่ใช้ประกอบการค้าหรือประกอบกิจการอื่นหรือภายในอาคารซึ่งเป็นที่รโหฐาน ทั้งนี้ เพื่อหารายได้ และแต่ละป้ายมีพื้นที่ไม่เกิน 3 ตารางเมตร แต่ไม่รวมถึงป้ายตามกฎหมายว่าด้วยทะเบียนพาณิชย์
6. ป้ายของราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภูมิภาคหรือราชการส่วนท้องถิ่น
7. ป้ายขององค์การที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งองค์การของรัฐบาลหรือตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น ๆ และหน่วยงานที่นำรายได้ส่งรัฐ
8. ป้ายของธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารเพื่อการสหกรณ์ และบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
9. ป้ายของโรงเรียนเอกชน สถาบันอุดมศึกษาเอกชน ที่แสดงไว้ ณ อาคารหรือบริเวณของโรงเรียนเอกชน หรือสถาบันอุดมศึกษาเอกชนนั้น
10. ป้ายของผู้ประกอบการเกษตรซึ่งค้าผลผลิตอันเกิดจากการเกษตรของตน
11. ป้ายของวัดหรือผู้ดำเนินกิจการเพื่อประโยชน์แก่การศาสนา หรือการกุศลสาธารณะโดยเฉพาะ
12. ป้ายของสมาคมหรือมูลนิธิ
13. ป้ายตามที่กำหนดในกฎกระทรวง ได้แก่
-ป้ายที่ติดตั้งหรือแสดงไว้ที่รถยนต์ส่วนบุคคล รถจักรยานยนต์ ถนนหรือรถแทรกเตอร์
-ป้ายที่ติดตั้งหรือแสดงไว้ที่ล้อเลื่อน
-ป้ายที่ติดตั้งหรือแสดงไว้ที่ยานพาหนะอื่น ๆ นอกเหนือจากนี้ โดยมีพื้นที่ไม่เกิน 500 ตารางเซนติเมตร
5. อัตราภาษีป้าย 2567 จ่ายเท่าไร
ทราบกันไปแล้วว่าใครที่ต้องจ่ายภาษีป้าย และป้ายแบบใดบ้างที่ต้องจ่าย คราวนี้เรามาดูอัตราภาษีป้ายปี 2567 พร้อมวิธีคำนวณด้วยตนเองกันครับว่า ป้ายแต่ละแบบต้องเสียภาษีเท่าไร อย่างไรบ้าง
ประเภทที่ 1: ป้ายที่มีอักษรไทยล้วน
(ก) ป้ายที่มีข้อความเคลื่อนที่หรือเปลี่ยนเป็นข้อความอื่นได้ คิดภาษีป้ายในอัตรา 10 บาท ต่อ 500 ตารางเซนติเมตร
(ข) ป้ายนอกจากเหนือจากข้อแรก ให้คิดอัตรา 5 บาท ต่อ 500 ตารางเซนติเมตร
ตัวอย่างการคำนวณภาษีป้ายประเภทที่ 1 อย่างเช่น ป้ายไม้ธรรมดาที่ติดตั้งเมื่อเดือนมกราคม มีความกว้าง 100 เซนติเมตร และมีความยาว 150 เซนติเมตร โดยมีข้อความว่า บริษัท เก่งเทคโนโลยีอัจฉริยะ จำกัด ซึ่งเข้าข่ายป้ายประเภท 1 (ข) โดยสามารถคำนวณภาษีป้าย ดังนี้
- ขนาดป้าย = 100 (กว้าง) x (150) ยาว = 15,000 ตร.ซม.
- พื้นที่ป้าย = 15,000 ตร.ซม. ÷ 500 = 30 ดังนั้นป้ายนี้ที่เข้าข่ายป้ายประเภท 1 (ข) จะต้องเสียภาษีป้ายในอัตรา 30 x 5 = 150 บาท
ประเภทที่ 2: ป้ายที่มีอักษรไทยปนกับอักษรต่างประเทศ (รวมถึงเลขอารบิก) หรือมีอักษรไทยปนกับภาพ และหรือเครื่องหมายอื่น โดยอักษรไทยทุกตัวต้องอยู่ตำแหน่งบนสุด
(ก) ป้ายที่มีข้อความ เครื่องหมาย ภาพที่เคลื่อนที่ หรือเปลี่ยนเป็นข้อความเครื่องหมาย หรือภาพอื่นได้ จะคิดภาษีป้ายในอัตรา 52 บาท ต่อ 500 ตารางเซนติเมตร
(ข) ป้ายทั่วไป ที่ไม่มีข้อความ เครื่องหมาย ภาพที่เคลื่อนที่ หรือเปลี่ยนเป็นข้อความเครื่องหมาย หรือภาพอื่นได้ จะคิดในอัตรา 26 บาท ต่อ 500 ตารางเซนติเมตร
ตัวอย่างการคำนวณภาษีป้ายประเภทที่ 2 อย่างเช่น ป้ายดิจิทัลที่เปลี่ยนตัวอักษรสลับกับโลโก้บริษัทที่ติดตั้งเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ มีความกว้าง 200 เซนติเมตร และมีความยาว 300 เซนติเมตร โดยมีข้อความว่า บริษัท สร้างเมืองอัจฉริยะ AI จำกัด ซึ่งเข้าข่ายป้ายประเภท 2 (ก) โดยสามารถคำนวณภาษีป้าย ดังนี้
- ขนาดป้าย = 200 (กว้าง) x 300 (ยาว) = 60,000 ตร.ซม.
- พื้นที่ป้าย = 60,000 ตร.ซม. ÷ 500 = 120
ดังนั้นป้ายนี้ที่เข้าข่ายป้ายประเภท 2 (ก) จะต้องเสียภาษีป้ายในอัตรา 120 x 52 = 6,240 บาท
ประเภทที่ 3: ป้ายที่ไม่มีอักษรไทย ไม่ว่าจะมีภาพ หรือเครื่องหมายใด ๆ หรือป้ายที่มีอักษรไทยบางส่วน หรือทั้งหมดอยู่ใต้หรือต่ำกว่าอักษรต่างประเทศ
(ก) ป้ายที่มีข้อความ เครื่องหมาย หรือภาพเคลื่อนที่ หรือเปลี่ยนเป็นข้อความ เครื่องหมาย หรือภาพอื่นได้ จะคิดภาษีป้ายในอัตรา 52 บาท ต่อ 500 ตารางเซนติเมตร
(ข) ป้ายที่ไม่มีข้อความ เครื่องหมาย หรือภาพเคลื่อนที่ หรือเปลี่ยนเป็นข้อความ เครื่องหมาย หรือภาพอื่นได้จะคิดในอัตรา 50 บาท ต่อ 500 ตารางเซนติเมตร
ตัวอย่างการคำนวณภาษีป้ายประเภทที่ 3 อย่างเช่น ป้ายผ้าธรรมดาติดตั้งเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ มีความกว้าง 200 เซนติเมตร และมีความยาว 300 เซนติเมตร โดยมีข้อความว่า AI SMARTCITY ซึ่งเข้าข่ายป้ายประเภท 3 (ข) โดยสามารถคำนวณภาษีป้าย ดังนี้
- ขนาดป้าย = 200 (กว้าง) x 300 (ยาว) = 60,000 ตร.ซม.
- พื้นที่ป้าย = 60,000 ตร.ซม. ÷ 500 = 120
ดังนั้นป้ายนี้ที่เข้าข่ายป้ายประเภท 3 (ข) จะต้องเสียภาษีป้ายในอัตรา 120 x 50 = 6,000 บาท
ที่สำคัญ เมื่อคำนวณอัตราภาษีป้ายจากประเภทของป้ายออกมาแล้ว ใช่ว่าจะจ่ายแบบเต็มราคาตามที่คำนวณมาได้นะครับ แต่จะต้องดูช่วงเวลาในการติดตั้งป้ายด้วย เพราะการติดตั้งในแต่ละช่วงเวลาจะมีการจัดเก็บภาษีป้ายที่ไม่เท่ากัน ดังนี้
- ติดตั้งระหว่างเดือน มกราคม – มีนาคม คิดภาษีป้าย 100%
- ติดตั้งระหว่างเดือน เมษายน – มิถุนายน คิดภาษีป้าย 75% ของอัตราภาษีป้ายทั้งปี
- ติดตั้งระหว่างเดือน กรกฎาคม – กันยายน คิดภาษีป้าย 50% ของอัตราภาษีป้ายทั้งปี
- ติดตั้งระหว่างเดือนตุลาคม – ธันวาคม คิดภาษีป้าย 25% ของอัตราภาษีป้ายทั้งปี
6. ภาษีป้าย ปี 2567 จ่ายเมื่อไร
ก่อนที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะทำการแจ้งให้เจ้าของป้ายยื่นแบบแสดงรายการ (ภ.ป.1) ท้องถิ่นจะทำการลงพื้นที่สำรวจก่อนว่าภายในเขตอำนาจมีป้ายอยู่ที่ใดบ้างและใครเป็นเจ้าของ พร้อมประเมินภาษีป้ายไว้ หลังจากนั้นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะทำการแจ้งแก่เจ้าของป้ายหรือผู้ครอบครองป้ายให้มายื่นแบบแสดงรายการ ภ.ป.1 หรือภาษีป้ายนั่นเอง โดยจะมีขั้นตอนคร่าว ๆ ดังนี้
1. รับแจ้งจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้ชำระภาษีป้าย โดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะประชาสัมพันธ์ให้เจ้าของป้ายหรือผู้ครอบครองมายื่นแบบแสดงรายการ ภ.ป.1
2. ผู้มีหน้าที่เสียภาษีป้ายเตรียมเอกสารและหลักฐานเกี่ยวกับป้ายให้พร้อม ไม่ว่าจะเป็น
- บัตรประจำตัวประชาชน
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- เลขประจำตัวผู้เสียภาษี
- เลขที่ทะเบียนการค้า
- หนังสือรับรองบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนจำกัด (กรณีนิติบุคคล)
- รูปถ่ายป้าย พร้อมขนาดกว้าง x ยาว
- ใบอนุญาตติดตั้งป้าย หรือใบเสร็จรับเงินจากร้านทำป้าย
ทั้งนี้ หากยังไม่เคยทำเรื่องขออนุญาตติดตั้งป้าย จะต้องทำคำขออนุญาตโดยแจ้งขนาด พร้อมด้วยภาพถ่าย ภาพสเก็ตของป้าย และแผนผังที่ตั้งของป้ายกับสำนักงานเขต เทศบาล หรือ อบต. ก่อน โดยปกติจะต้องทำเรื่องภายใน 15 วันนับแต่ติดตั้งป้าย อีกทั้งหากเป็นป้ายที่ชำระภาษีประจำปี และต้องการเปลี่ยนแปลงป้ายจะต้องแจ้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้ทราบภายใน 15 วัน และหากมีการยกเลิกใช้ป้าย เนื่องจากเลิกกิจการให้แจ้งภายในเดือนธันวาคมของทุกปี เพราะจะมีผลกับการประเมินภาษีได้
3. ยื่นแบบแสดงรายการ ภ.ป.1 พร้อมหลักฐานที่เตรียมไว้ที่สำนักงานเขต เทศบาล หรือ อบต. ในช่วงเดือนมกราคม – มีนาคมของทุกปี
4. เจ้าพนักงานจะดำเนินการประเมินภาษีป้าย โดยแบ่งเป็น 2 กรณี ดังนี้
- หากผู้เสียภาษีป้ายประสงค์จะชำระภาษีป้ายในวันยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีป้าย ถ้าเจ้าพนักงานตรวจสอบและประเมินภาษีป้ายได้ทันที จะแจ้งผู้เสียภาษีป้ายว่าจะต้องเสียภาษีจำนวนเท่าใด
- กรณีผู้เสียภาษีป้ายไม่พร้อมจะชำระภาษีในวันยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้าย เจ้าพนักงานจะทำหนังสือแจ้งการประเมิน (ภป.3) แจ้งจำนวนเงินภาษีที่จะต้องชำระแก่ผู้เสียภาษี โดยผู้เสียภาษีต้องมาชำระเงินค่าภาษีป้ายภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งการประเมิน หากไม่ทำตามกำหนดจะต้องเสียเงินเพิ่ม
5. ชำระภาษีได้ที่สำนักงานเขต เทศบาล หรือ อบต. หรือผ่านธนาคารที่กำหนด โดยอัตราจ่ายภาษีป้ายขั้นต่ำจะอยู่ที่ 200 บาท หากประเมินแล้วยอดภาษีป้ายที่ต้องชำระไม่ถึง 200 บาท ก็จะต้องจ่าย 200 บาทนะครับ อีกทั้งหากต้องการผ่อนชำระภาษีป้ายจะต้องมียอดภาษีที่ต้องชำระมากกว่า 3,000 บาทขึ้นไป และสามารถผ่อนชำระได้ 3 งวดเท่า ๆ กัน
7. ภาษีป้าย 2567 จ่ายที่ไหน จ่ายให้ใคร
สำหรับภาษีป้าย ถือเป็นอีกหนึ่งรายได้สำคัญให้ท้องถิ่นนำไปพัฒนาพื้นที่ ดังนั้นผู้ที่จะทำการจัดเก็บภาษีก็คือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ป้ายนั้น ๆ อยู่ โดยสถานที่ชำระภาษีและยื่นแบบก็ได้แก่
- เทศบาล
- องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.)
- กรุงเทพมหานคร (ติดต่อสำนักงานเขต)
- เมืองพัทยา
ในปัจจุบันเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชน หลายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้มีการจัดทำระบบการยื่นแบบแสดงรายการ ภ.ป.1 และระบบชำระภาษีป้ายผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อเป็นอีกทางเลือกให้กับประชาชนเพิ่มเติมด้วย
8. การขอคืนภาษีป้าย 2567
สำหรับใครที่พบว่า แท้จริงแล้วตนไม่มีหน้าที่ต้องชำระภาษีป้ายหรือชำระภาษีป้ายไว้เกิน สามารถขอคืนภาษีที่ชำระไว้เกินได้ โดยให้ยื่นคำร้องต่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นภายใน 1 ปีนับแต่วันที่เสียภาษีป้าย อีกทั้งหากพบว่าได้รับการแจ้งการประเมินภาษีป้ายไม่ถูกต้อง สามารถใช้สิทธิอุทธรณ์การประเมินต่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้ภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งการประเมิน
9. ถ้าไม่ชำระป้ายจะเป็นอย่างไร
หากมีผู้ที่หลีกเลี่ยงหรือละเลยการชำระภาษีป้ายจะต้องจ่ายเงินเพิ่มและมีโทษปรับ ดังนี้
1. ไม่ยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้ายภายในเดือนมีนาคม หรือหลังติดตั้งตั้งป้าย 15 วัน เสียเงินเพิ่ม 10 %
2. ยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้ายโดยไม่ถูกต้อง ทำให้เสียค่าภาษีน้อยลงต้องเสียเงินเพิ่ม 10 % ของค่าภาษี
3. ไม่ชำระเงินภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งการประเมินเสียเงินเพิ่ม 2 % ต่อเดือนของค่าภาษี
4. สำหรับคนที่จงใจให้การเท็จหรือแสดงหลักฐานเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับ 5,000 – 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ รวมถึงในกรณีที่จงใจไม่ยื่นแบบเสียภาษี มีโทษปรับ 5,000 – 50,000 บาท นอกจากนี้ยังมีบทลงโทษสำหรับกรณีที่ขัดขวางหรือไม่ปฏิบัติตามเจ้าหน้าที่ โทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับ 1,000 – 20,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับด้วย
10. เทคโนโลยีช่วยจัดเก็บและบริหารจัดการภาษีป้ายยุคใหม่
การจัดเก็บภาษีป้ายในแต่ละปี หน่วยงานที่สำคัญที่สุดที่มีหน้าที่ในการจัดเก็บภาษีป้ายก็คือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้ง เทศบาล และ อบต. ซึ่งไม่เพียงทำหน้าที่ในการเรียกเก็บภาษีป้ายจากประชาชนเท่านั้น แต่ยังต้องสำรวจพื้นที่ จัดเก็บข้อมูล และประเมินภาษีด้วย เพื่อนำรายได้ที่จัดเก็บไปพัฒนาท้องถิ่นต่อไป ดังนั้นการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการบริหารจัดการการจัดเก็บภาษีป้ายจะช่วยให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทำงานได้ง่ายและมีประสิทธิภาพสูงขึ้น อย่าง “ระบบภาษีป้ายอัจฉริยะ” ที่พัฒนาโดย บริษัท เบดร็อค อนาไลติกส์ จำกัด (Bedrock) ซึ่งระบบนี้อยู่ในการบริการแพลตฟอร์ม Smart Municipal Tax ซึ่งสามารถแสดงผลข้อมูลการสำรวจป้าย โดยใช้ปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ในการประมวลผล เพื่อหาตำแหน่ง วัดขนาด แยกประเภทของป้าย พร้อมระบุรายละเอียดเจ้าของ และประเมินภาษีป้ายอย่างแม่นยำ เพื่อให้การจัดเก็บภาษีป้ายมีความถูกต้องและครบถ้วน ขณะเดียวกันยังรองรับการบริการภาคประชาชน ด้วยการอำนวยความสะดวกในการชำระภาษีผ่านระบบออนไลน์ และสามารถตรวจสอบข้อมูลภาษีร่วมกับเจ้าหน้าที่ผ่านระบบได้ด้วย ซึ่งหากท้องถิ่นใดสนใจสามารถติดต่อได้ที่อีเมล: [email protected] หรือ Line หรือ Facebook
ใครที่อ่านมาถึงตรงนี้ คงทราบกันแล้วว่าภาษีป้าย 2567 จะต้องจ่ายเท่าไร ใครบ้างที่ต้องจ่าย และจ่ายเมื่อไร ดังนั้น เจ้าของกิจการหรือเจ้าของป้ายคงจะได้แนวทางในการวางแผนการชำระภาษีป้ายกันแล้ว ที่สำคัญอย่าละเลยและหลีกเลี่ยงการจ่ายภาษีป้ายกันนะครับ เพราะรายได้ที่จัดเก็บจะถูกนำไปพัฒนาท้องถิ่นที่คุณอยู่อาศัยอย่างแน่นอน
ขอบคุณข้อมูล