เอสโตเนีย ประเทศแห่ง e-Governance ขั้นเทพ เข้าถึงการบริการภาครัฐผ่านออนไลน์ได้ง่าย สะดวก และปลอดภัยสูง

เมื่อปี 2023 ที่ผ่านมา หลายคนคงจะได้เห็นข่าวประชาชนชาวเอสโตเนียผู้มีสิทธิเลือกตั้งกว่าครึ่งหนึ่งได้กาคะแนนในการเลือกตั้งผ่านทางออนไลน์ (i-Voting) มาแล้ว ซึ่งอยากบอกว่าเอสโตเนีย (Estonia) ไม่ได้มีแค่เลือกตั้งออนไลน์เท่านั้น แต่ยังเป็นประเทศที่พัฒนา e-Governance ได้ก้าวหน้าและสมบูรณ์แบบมาก ๆ มาดูกันครับว่าประเทศนี้เขาพัฒนา e-Governance แบบไหน และอย่างไรบ้าง
ทำไมเอสโตเนียถึงต้องพัฒนา e-Governance
เอสโตเนีย (Estonia) เป็นประเทศที่ขึ้นชื่อว่ามีความก้าวหน้า ด้านรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-Governance ซึ่งในปัจจุบันมีบริการ e-Service ของภาครัฐมากถึง 99% สำหรับจุดเริ่มต้นสำคัญในการพัฒนาด้าน e-Governance และการแปลงข้อมูลไปสู่รูปแบบดิจิทัล (Digitalize) ของเอสโตเนีย มาจากความต้องการแก้ปัญหาเรื่องทุจริตคอร์รัปชันและการลดต้นทุนการให้บริการภาครัฐ โดยหลังจากได้รับเอกราชจากสหภาพโซเวียต เมื่อปี 1991 เอสโตเนียต้องประสบปัญหาคอร์รัปชันและขาดแคลนทรัพยากร เนื่องจากเป็นประเทศเกิดใหม่ขนาดเล็ก มีประชากรน้อย ทรัพยากรธรรมชาติไม่มีเพียงพอ และขาดจุดแข็งทางเศรษฐกิจที่จะแข่งขันกับประเทศอื่น รวมถึงต้องใช้ต้นทุนสูงหากจะสร้างโครงสร้างพื้นฐานและให้บริการภาครัฐที่มีประสิทธิภาพ แต่จุดเด่นหนึ่งที่เอสโตเนียมีก็คือสถาบันวิจัยด้าน Cybernetics ทำให้มีผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีจำนวนมาก จึงร่วมมือกับรัฐบาลในการกำหนดแผนยุทธศาสตร์การส่งเสริมการพัฒนาด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Information and Communication Technologies: ICT) เพื่อใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลในการสร้างศักยภาพและพัฒนาความสามารถในการแข่งขัน ควบคู่ไปกับการปฏิรูประบบบริหารราชการให้มีประสิทธิภาพ มีความโปร่งใส พร้อมการปรับกฎหมายและกฎระเบียบให้ตอบโจทย์การพัฒนา Digitalization อีกทั้งยังร่วมมือกับสถาบันทางการเงินในการให้บริการการทำธุรกรรมแบบดิจิทัลด้วย
ปัจจุบัน เอสโตเนียสามารถให้การบริการภาครัฐในรูปแบบ e-Service ได้มากถึง 99% ขาดแต่เพียงเรื่องของการหย่า ซึ่งติดข้อจำกัดด้านกฎหมายเท่านั้น แต่หากประชาชนไม่สะดวกรับบริการแบบ e-Service ก็ยังสามารถใช้บริการแบบดั้งเดิมได้
องค์ประกอบในการสร้าง e-Governance ของเอสโตเนียให้สำเร็จ
สำหรับสูตรสำเร็จในการสร้าง e-Governance ของเอสโตเนียนั้น ไม่เพียงแค่กำหนดและดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์การปฏิรูปประเทศอย่างจริงจังและเป็นรูปธรรมเท่านั้น แต่ยังต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกคนที่เกี่ยวข้อง โดยมี 5 หน่วยงานหลักที่สำคัญ ได้แก่ กระทรวงการเศรษฐกิจและการสื่อสาร (Ministry of Economic Affairs and Communication), สำนักงานระบบข้อมูลข่าวสารแห่งรัฐ (Department of State Information Systems: RISO), สำนักงานพัฒนาบริการข้อมูลสารสนเทศสังคม (Department of Information Society Services Development), สำนักงานระบบบริหารข้อมูลแห่งเอสโตเนีย (Estonian Information System Authority: RIA) และศูนย์บริการลงทะเบียนและระบบสารสนเทศ (Centre for Registers and Information Systems: RIK) โดยมี 3 องค์ประกอบหลักในการสร้าง e-Service ของเอสโตเนีย ได้แก่
1. Confidentiality การยืนยันตัวตนผ่าน e-identification อย่างมั่นใจและปลอดภัย
เอสโตเนียกำหนดให้ประชาชนที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป มี Digital Identity โดยเปิดให้ยืนยันตัวผ่าน e-identification ได้ 3 รูปแบบ ได้แก่ บัตรประชาชนแบบบัตรสมาร์ตการ์ดหรือบัตรชิปการ์ด, Mobile ID ที่มีซิมการ์ด และแอปพลิเคชัน Smart ID ซึ่งจะมีระบบป้องกันข้อมูลส่วนตัวด้วย PIN หรือรหัสยืนยันตัวตนหลายชั้น เช่น การล็อกอินด้วยเข้าระบบ และการลงนามแบบ Digital Signature เป็นต้น เพื่อให้ทุกคนสามารถยืนยันตัวตนผ่าน e-identification ได้อย่างปลอดภัยและมั่นใจว่าข้อมูลจะเป็นความลับ
2. Availability ข้อมูลต้องเข้าถึงได้ตลอดเวลา
เอสโตเนียทำให้สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ตลอดเวลา โดยใช้ Secure Data Exchange Infrastructure ซึ่งแต่ละหน่วยงานสามารถส่งข้อมูลไปมาระหว่างกันได้อย่างปลอดภัยด้วยการเข้ารหัสข้อมูล ในส่วนของโครงสร้างการจัดเก็บข้อมูลจะเป็นแบบ Decentralized คือ แต่ละหน่วยงานจะจัดเก็บข้อมูลเฉพาะส่วนที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการของตนเอง เมื่อหน่วยงานอื่นต้องการใช้ข้อมูลก็สามารถดึงข้อมูลไปใช้ได้ โดยไม่มีการจัดเก็บข้อมูลเดียวกันซ้ำในสองที่ (Once-only Principle) เพื่อให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลถูกต้อง และเป็นปัจจุบัน เช่น การแจ้งย้ายบ้านก็แจ้งทะเบียนราษฎร์เพียงที่เดียว ทุกหน่วยงานก็จะอัปเดตข้อมูลตามไปด้วยโดยอัตโนมัติ
3. Integrity ข้อมูลที่ถูกต้อง
เอสโตเนียให้ความสำคัญกับความถูกต้องและความสมบูรณ์ของข้อมูล โดยจะมีการนำ KSI Blockchain มาใช้ในการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหว (Sensitive Data) เพื่อป้องกันการแก้ไขข้อมูลและการโจมตีทางไซเบอร์ (Cyberattack) นอกจากนี้ยังมี Data Embassy เพื่อสำรองข้อมูลไว้ในต่างประเทศ เพื่อป้องกันความเสี่ยงและข้อมูลหายด้วย
ตัวอย่างการพัฒนาระบบต่าง ๆ เพื่อสร้าง e-Governance ของเอสโตเนีย
รัฐบาลเอสโตเนียได้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัล เพื่อให้ระบบของ e-Governance สมบูรณ์แบบ ใช้งานได้ครบวงจร โปร่งใส และมีปลอดภัยสูง ไม่ว่าจะเป็น
1. ระบบระบุตัวตนอิเล็กทรอนิกส์ (e-Identification) และบัตรประชาชนอิเล็กทรอนิกส์ (e-Identification Card)
รัฐบาลเอสโตเนียกำหนดว่าประชาชนที่อายุ 15 ปีขึ้นไป จะต้องมีบัตรประชาชนอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อใช้เป็นหลักฐานในกระบวนการระบุตัวตน เมื่อต้องติดต่อทำธุรกรรมกับภาครัฐและภาคเอกชน
2. https://www.eesti.ee/et/
https://www.eesti.ee/et/ ถือเป็น One-stop Service ของเอสโตเนีย ที่รวบรวมข้อมูลและบริการภาครัฐแบบ e-Service ไว้ในที่เดียว ที่สำคัญมีฟังก์ชัน Data Tracker เพื่อให้ผู้ใช้งานเช็กได้ว่าข้อมูลของเราถูกหน่วยงานใดนำไปใช้บ้าง หรือหากพบสิ่งปกติสามารถแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบได้
3. ระบบโครงข่ายเชื่อมโยงข้อมูลภาครัฐ (EEBone)
เอสโตเนียมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางสารสนเทศ (IT infrastructure) ภายในหน่วยงานต่าง ๆ ของภาครัฐ โดยพัฒนาระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่มีชื่อว่า “EEBone” หรือ “Peatee” ขึ้น เพื่อใช้เป็นเซิร์ฟเวอร์กลางของรัฐบาลที่ทุกหน่วยงานสามารถเข้าถึงข้อมูลของหน่วยงานอื่นได้สะดวกรวดเร็วและปลอดภัย
4. พัฒนา KSI Blockchain
เอสโตเนียพัฒนาเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain Pioneers) แบบ Keyless Signature Infrastructure (KSI) หรือ KSI Blockchain ในการจัดเก็บข้อมูลการจดทะเบียนต่าง ๆ ของหน่วยงานภาครัฐ และตรวจจับการละเมิดที่เกิดขึ้นได้ทันท่วงที โดยสำนักงานระบบบริหารข้อมูลแห่งเอสโตเนีย (Estonian Information System Authority: RIA) เป็นผู้ดูแล
5. ระบบการยื่นภาษีแบบ e-service
ระบบการยื่นภาษีแบบ e-Service คือระบบแรก ๆ ที่เอสโตเนียให้บริการแก่ประชาชน โดยจัดเป็นการยื่นภาษีที่ง่ายและสะดวก เพราะข้อมูลส่วนใหญ่มักจะปรากฏขึ้นมาให้แบบอัตโนมัติอยู่แล้ว
6. Internet Voting (i-Voting)
ตัวอย่างสำคัญในการพัฒนา e-Governance ของเอสโตเนียที่ทุกคนรู้จักกัน นั่นก็คือ i-Voting หรือการเลือกตั้งทางออนไลน์ ที่เอสโตเนียนำมาใช้ในการเลือกตั้งระดับประเทศ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชน อีกทั้งยังลดค่าใช้จ่ายในการจัดคูหาเลือกตั้ง ลดปัญหาการซื้อเสียง เพราะเลือกตั้งซ้ำได้หลายครั้งจนกว่าจะปิดให้เลือกตั้ง รวมถึงอำนวยความสะดวกให้กับคนเอสโตเนียที่อาศัยอยู่ในต่างประเทศที่ไม่มีสถานทูตด้วย
คงจะเห็นแล้วว่า เอสโตเนีย (Estonia) ประเทศจิ๋ว ๆ ในยุโรป ไม่ได้โด่งดังแค่เรื่องวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์เท่านั้น แต่ยังมีความเจ๋งเรื่องการพัฒนา e-Governance ที่ไม่เป็นสองรองใครในโลกเชียวละครับ
ขอบคุณข้อมูล:
https://www.etda.or.th/th/Useful-Resource/Knowledge-Sharing/Articles/Estonia-Digital-X-Road.aspx
https://positioningmag.com/1428839#:~:text=ปัจจุบันเอสโตเนีย,รัฐบาลเป็น%20Digital%20Government%20คือ