Digital Twin โซลูชันในการจัดการพลังงานแห่งอนาคต เพื่อโลกที่ยั่งยืน และธุรกิจที่มั่นคง
เคยคิดกันหรือไม่ หากไม่มีพลังงานไฟฟ้าใช้ในชีวิตประจำวันจะเป็นอย่างไร ไม่มีแสงสว่างในตอนกลางคืน ไม่มีความเย็นจากพัดลมหรือเครื่องปรับอากาศในฤดูร้อน ไม่สามารถใช้คอมพิวเตอร์ในการทำงานได้ สิ่งเหล่านี้คงไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น แต่เมื่อประชากรของโลกเพิ่มสูงขึ้น ความต้องการไฟฟ้าก็เพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย ประกอบกับกระบวนการผลิตไฟฟ้าในปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจำนวนมาก จนส่งผลให้เกิดสภาวะโลกร้อน ทำให้เกิดอากาศแปรปรวน เกิดภัยพิบัติ และทรัพยากรธรรมชาติที่เป็นวัตถุดิบในการผลิตไฟฟ้าน้อยลงทุกวัน ดังนั้นจึงถึงเวลาที่จะนำเทคโนโลยีมาใช้ในการจัดการพลังงานไฟฟ้าให้เกิดความยั่งยืน พร้อมช่วยลดโลกร้อนอย่างชาญฉลาดด้วย Digital Twin
Digital Twin กับการจัดการพลังงานอัจฉริยะอย่างยั่งยืน
Digital Twin คือโมเดลจำลองเสมือนจริงจากวัตถุทางกายภาพ สามารถนำมาจำลองสถานการณ์ได้หลากหลาย เช่น ตรวจสอบประสิทธิภาพ จำลองการทำงานของระบบ ทดลองสถานการณ์ต่าง ๆ คาดการณ์แนวโน้ม และค้นหาแนวทางต่าง ๆ เป็นต้น
ด้วยความสามารถของ Digital Twin จึงเหมาะที่จะนำมาใช้กับการจัดการพลังงานอัจฉริยะอย่างยั่งยืนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็น
1. ระบุความต้องการและพฤติกรรมของผู้ใช้ไฟฟ้า
Digital Twin เป็นการจำลองสถานการณ์เสมือนจริงในสถานการณ์ต่าง ๆ โดยอาศัยข้อมูลจากเซนเซอร์ IoT และฐานข้อมูลอื่นที่เกี่ยวข้องในการสร้างแบบจำลองเสมือนจริงเพื่อค้นหา เรียนรู้ และติดตามพฤติกรรมของผู้ใช้ไฟฟ้า ทำให้ทราบความต้องการและพฤติกรรมของผู้ใช้ไฟฟ้าที่ถูกต้อง แล้วจึงนำมาวิเคราะห์ พร้อมต่อยอดในการจัดการพลังงานไฟฟ้าที่เหมาะสม เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีในการรับบริการที่ตอบโจทย์กับความต้องการ และจำหน่ายพลังงานไฟฟ้าได้อย่างเหมาะสมกับพฤติกรรมของผู้บริโภค
2. ลดข้อผิดพลาดในกระบวนการผลิตพลังงาน
การใช้ Digital Twin มาช่วยมอนิเตอร์และควบคุมกระบวนการผลิตไฟฟ้า จะทำให้เห็นทุกกระบวนการผลิตไฟฟ้าตลอดจนการจำหน่ายไฟฟ้าไปถึงมือผู้บริโภคแบบเรียลไทม์ จึงทำให้สามารถตรวจหาความผิดปกติ ตรวจพบความเสี่ยงของอุปกรณ์หรือระบบการทำงานที่อาจล้มเหลวได้อย่างรวดเร็ว นำไปสู่การป้องกันและแก้ไขได้อย่างทันท่วงที
3. ประเมินความเสี่ยงและคาดการณ์แนวโน้มได้อย่างแม่นยำ
การนำ Digital Twin มาบูรณาการกับระบบอัตโนมัติอื่นที่อยู่ในกระบวนการผลิตไฟฟ้าตลอดจนการจำหน่ายไฟฟ้าไปถึงมือผู้บริโภคจะทำให้ได้ข้อมูลเชิงลึกที่มีคุณภาพและครบทุกมิติ ทำให้สามารถนำข้อมูลที่ได้มาจำลองสถานการณ์ เพื่อประเมินความเสี่ยงและคาดการณ์แนวโน้มต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นได้อย่างแม่นยำ ซึ่งส่งผลให้สามารถวางแผนการดำเนินการและลดต้นทุนที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
4. ช่วยวางแผนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดต้นทุนการผลิตและการบำรุงรักษา
การนำ Digital Twin มาควบรวมกับระบบอัตโนมัติอื่นๆ ที่อยู่ในกระบวนการผลิตไฟฟ้าตลอดจนการจำหน่ายไฟฟ้าไปถึงมือผู้บริโภคจะทำให้ได้ข้อมูลเชิงลึกที่มีคุณภาพและครบทุกมิติมาจำลองสถานการณ์การทำงานต่าง ๆ เพื่อหาจุดหรือวิธีที่เหมาะสมที่สุด ซึ่งเมื่อได้ผลจากการจำลองสถานการณ์ต่าง ๆ เพื่อหาจุดที่เหมาะสมแล้ว ก็จะทำให้ตัดสินใจในการดำเนินงานและวางแผนงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยลดต้นทุนในการผลิตพลังงาน และการบำรุงรักษาที่เหมาะสมมากขึ้นด้วย
5. ใช้ทรัพยากรเกิดประโยชน์สูงสุด
อย่างที่บอกไปตอนต้นว่ากระบวนการผลิตไฟฟ้าในปัจจุบันปล่อยก๊าซเรือนกระจกจำนวนมาก ดังนั้นการนำ Digital Twin มาช่วยในกระบวนการผลิตพลังงานไฟฟ้าจะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและใช้ทรัพยากรได้อย่างคุ้มค่ามากขึ้น โดย Digital Twin สามารถตรวจสอบ จำลองการทำงาน ทดลองสถานการณ์ คาดการณ์ และค้นหาแนวทาง พร้อมวิเคราะห์และประมวลผลจึงทำให้สามารถหาแนวทางในการผลิตพลังงานไฟฟ้าที่เหมาะสม ใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและเกิดความยั่งยืนได้
นอกจาก Digital Twin จะช่วยให้กระบวนการผลิตไฟฟ้าแบบดั้งเดิมใช้ทรัพยากรได้อย่างคุ้มค่า และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกแล้ว การนำ Digital Twin มาช่วยเสริมศักยภาพในการผลิตพลังงานไฟฟ้าทางเลือกก็ยังทำให้เกิดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติให้เกิดประโยชน์สูงสุด และวางแผนการผลิตได้อย่างคุ้มค่ากับต้นทุนได้ดีด้วยเช่นกัน
Digital Twin เป็นอีกหนึ่งในการนำเทคโนโลยีมาผสมผสานในกระบวนการผลิตและการจัดการพลังงานไฟฟ้า เพื่อสร้างรากฐานที่มั่นคงและยั่งยืนให้กับธุรกิจในอนาคตของคุณ ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ไม่เพียงแค่ตัวเลขทางธุรกิจที่เติบโตขึ้นเท่านั้น แต่ยังสร้างความยั่งยืนกับสังคมและสิ่งแวดล้อมของเราด้วย