Bedrock จับมือ สกพอ. และ จุฬาฯ ขับเคลื่อนพื้นที่ EEC สู่เมืองอัจฉริยะ ด้วยเทคโนโลยี AI

Bedrock ผนึกกำลังสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) และ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เซ็น MOU วางแผนประยุกต์ใช้เทคโนโลยี AI ดันพื้นที่ EEC สู่เมืองอัจฉริยะ ด้วยระบบจัดการข้อมูลเมืองครบวงจร เพื่อการตัดสินใจ อำนวยความสะดวกผู้ประกอบการ สนับสนุนการลงทุน และเป็นต้นแบบให้เขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษอื่น
เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา ณ อาคารวานิชเพลซ อารีย์ กรุงเทพฯ บริษัท เบดร็อค อนาไลติกส์ จำกัด (Bedrock) และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) หรือ อีอีซี และ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกันลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เรื่อง การศึกษาแนวทางการพัฒนาระบบบริหารจัดการข้อมูลและการบริการนักลงทุน เพื่อยกระดับการนำเทคโนโลยีดิจิทัล เข้ามาใช้ในการวางแผนพัฒนาการบริหารจัดการพื้นที่เขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) พร้อมบูรณาการด้านข้อมูลเพื่อการตัดสินใจ อำนวยความสะดวกผู้ประกอบการ สนับสนุนการลงทุนให้แก่นักลงทุน และใช้เป็นต้นแบบให้เขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษอื่น ๆ
ดร.จุฬา สุขมานพ เลขาธิการ อีอีซี กล่าวว่า “การลงนามความร่วมมือในครั้งนี้ จะเป็นก้าวสำคัญเพื่อการศึกษาและจัดทำแผนการพัฒนาด้านดิจิทัลสำหรับเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก โดยจะนำเทคโนโลยี AI เข้ามาครอบคลุมการดำเนินงานใน 4 ด้านหลัก ได้แก่ ด้านธุรกิจ มุ่งเน้นการพัฒนาระบบการจัดการที่ดิน เช่น การขอใบอนุญาตต่าง ๆ โดยอาศัยเทคโนโลยีดิจิทัลมาช่วยลดกระบวนการทำงานที่ซับซ้อน ด้านการบริการ มุ่งเน้นสร้างระบบแชตบอต เพื่อให้บริการข้อมูลตอบคำถามได้ทันท่วงทีรวมไปถึงการออกใบอนุญาตดิจิทัล เพื่อลดขั้นตอนการขอใบอนุญาตต่าง ๆ ด้านการจัดการข้อมูล มุ่งเน้นการรวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ ภายในและภายนอกองค์กร สร้างแพลตฟอร์มข้อมูลแบบเปิด ให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเข้าถึงข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ และ ด้านโครงสร้างพื้นฐาน พัฒนาระบบด้านไอที เช่น คลาวด์คอมพิวติ้ง การจัดเก็บข้อมูลที่มีความปลอดภัย และรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ เป็นต้น
ทั้งนี้ ทั้งสามสถาบันได้ประสานความร่วมมือเพื่อการวางแผนพัฒนา สนับสนุนและส่งเสริมการพัฒนาต้นแบบแพลตฟอร์มดิจิทัลสำหรับวิเคราะห์และบริหารจัดการเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ ในพื้นที่เขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัล (EECd) ให้สามารถนำเทคโนโลยีดิจิทัลดังกล่าว บริหารจัดการเมืองได้อย่างมีประสิทธิภาพ บูรณาการรวบรวมข้อมูลต่างๆ เพื่อการตัดสินใจ อำนวยความสะดวกผู้ประกอบการ สนับสนุนให้เกิดการลงทุน และจะใช้เป็นต้นแบบไปยังเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษอื่น ๆ ในพื้นที่อีอีซี ต่อไป”
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ สรายุทธ ทรัพย์สุข คณบดีคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า “จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะสถาบันอุดมศึกษาชั้นนำของประเทศไทยพร้อมที่จะเป็นส่วนหนึ่งของคณะที่ปรึกษาและคณะทำงาน เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือฯ ฉบับนี้ ทั้งนี้ ทางคณะฯ จะเข้ามามีส่วนร่วมในการศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลรวมไปถึงการสนับสนุนบุคลากรให้ร่วมศึกษา และวางแผนการใช้ประโยชน์ในพื้นที่ดังกล่าว เพื่อจัดทำแผนการพัฒนาด้านดิจิทัลสำหรับพื้นที่เขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัล (EECd) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ข้อมูลและงานวิจัยที่ได้จากการดำเนินงานตามบันทึกข้อตกลง จะถูกนำมาใช้ในการเรียนการสอน โดยทางจุฬาฯ จะเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนสามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้ประโยชน์ร่วมกันได้”
ด้าน ดร.ธนา สราญเวทย์พันธุ์ กรรมการบริษัท เบดร็อค อนาไลติกส์ จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า “ความร่วมมือฯ ในครั้งนี้ นับเป็นก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศไทยให้ก้าวสู่การเป็นเมืองอัจฉริยะ ด้วยการนำเทคโนโลยีมาเป็นตัวขับเคลื่อน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการและการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืนในอนาคต โดย เบดร็อค ได้นำเสนอแนวทางด้านการบริหารจัดการเมืองและการลงทุน ผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลซึ่งเป็นศูนย์กลางในการรวบรวมข้อมูลที่กระจัดกระจายในเขตพื้นที่อีอีซี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาไว้ในที่เดียวแบบครบวงจร ได้แก่ 1. Smart Building Permit: ระบบขออนุญาตและควบคุมอาคารอัจฉริยะ ซึ่งช่วยในการตัดสินใจ และทำให้กระบวนการขออนุญาตก่อสร้างรวดเร็วและโปร่งใส 2. City Digital Data Platform: แพลตฟอร์มดิจิทัลข้อมูลเมืองที่รวบรวมข้อมูลที่กระจัดกระจายในเขตพื้นที่อีอีซี ทำให้การค้นหา วิเคราะห์ และนำข้อมูลไปใช้เป็นไปอย่างรวดเร็ว ทำให้การบริหารจัดการเมืองเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งยังช่วยให้นักลงทุนสามารถวิเคราะห์ศักยภาพของพื้นที่อีอีซี ได้อย่างครบถ้วน และทำให้การวางแผนธุรกิจเป็นไปได้อย่างแม่นยำอีกด้วย”
สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ Bedrock ได้นำเทคโนโลยีมาเป็นตัวขับเคลื่อนผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการและการพัฒนาพื้นที่เขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ได้แก่
1. Smart Building Permit: ระบบขออนุญาตและควบคุมอาคารอัจฉริยะ ซึ่งเป็นระบบบริหารจัดการการขออนุญาตและควบคุมอาคารออนไลน์แบบครบวงจร ที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) และและข้อมูลเชิงพื้นที่ ในการตรวจสอบความถูกต้องของเอกสาร จึงช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถตรวจสอบคำขอ พิจารณาคำขอ อนุมัติคำขอ ไปจนถึงขั้นตอนการออกใบอนุญาตได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังมีระบบมีการจัดเก็บข้อมูลที่มีประสิทธิภาพสูง ไม่ว่าจะเป็น แปลงที่ดิน ขอบเขตของอาคาร พื้นที่ห้ามก่อสร้าง แนวเวนคืนที่ดิน การใช้ประโยชน์ที่ดิน แผนที่ฐาน สาธารณูปโภคและเส้นทางคมนาคม ระยะร่น ภาพถ่ายดาวเทียม ภาพถ่ายสามมิติ และข้อมูลเมืองดิจิทัล จึงทำให้กระบวนการขออนุญาตก่อสร้างอาคารเป็นไปอย่างรวดเร็ว โปร่งใส รอบคอบ และรัดกุม
นอกจากนี้ ประชาชนยังสามารถขออนุญาตออนไลน์ได้สะดวก ติดตามสถานะ ชำระค่าธรรมเนียม นัดหมายวันตรวจหน้างาน ร้องเรียน และรับใบอนุญาตทางออนไลน์ได้ รวมถึงสามารถตรวจสอบพื้นที่ขออนุญาต ผลการอนุมัติเบื้องต้น และคำแนะนำเรื่องเอกสารแบบอัตโนมัติด้วยตนเองผ่านออนไลน์ก่อนยื่นขออนุญาตจริงได้
2. City Digital Data Platform: แพลตฟอร์มดิจิทัลข้อมูลเมือง เป็นระบบกลางด้านข้อมูลที่บูรณาการเทคโนโลยี ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) และ Machine Learning ในการดึงฐานข้อมูลที่เกี่ยวข้องมารวบรวม จัดเก็บ จัดการ วิเคราะห์ และแสดงผลข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานและบริการของเมืองในด้านต่าง ๆ ที่สามารถเข้าใจได้ง่าย เห็นข้อมูลแบบปัจจุบัน โดยไม่ต้องอาศัยเจ้าหน้าที่ทางเทคนิค จึงสามารถรวบรวมข้อมูลที่กระจัดกระจายในเขตพื้นที่อีอีซีมาไว้ในที่เดียวแบบครบวงจร พร้อมสนับสนุนการบริหารจัดการพื้นที่ที่มีประสิทธิภาพในหลายด้านด้วยกัน ได้แก่ ด้านสุขภาพและสาธารณสุข ด้านสวัสดิการสังคม ด้านการจัดการขยะและสิ่งแวดล้อม ด้านการบริหารจัดการภัยพิบัติ และด้านการบริหารจัดการเมืองและโครงสร้างพื้นฐาน