ดูงานท้องถิ่นดิจิทัลในสิงคโปร์เมืองจิ๋ว แต่ Smart Nation ระดับโลก

ต้องการสร้างท้องถิ่นดิจิทัล จะเริ่มอย่างไร ใช้เทคโนโลยีไหนทำอะไรได้บ้าง เรามาส่องตัวอย่างจากประเทศต่าง ๆ กันดีไหมว่า มีการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้อย่างไรบ้าง มาเริ่มกันที่ประเทศเล็ก ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ใกล้บ้านเรา อย่างสิงคโปร์กันดีกว่า
สิงคโปร์ ประเทศที่ยกระดับตนเองไปสูงกว่าการเป็นเมืองอัจฉริยะ (Smart City) สู่คำว่า ประเทศอัจฉริยะ (Smart Nation) โดยในปี 2023 สถาบันการพัฒนาการบริหารจัดการ (IMD) ของสวิตเซอร์แลนด์ ได้เผยแพร่ Smart City Index ปี 2023 จัดอันดับให้สิงคโปร์ติดอันดับ 1 เมืองอัจฉริยะ (smart city) ในเอเชีย และอันดับ 7 ของโลกในปี 2023 จาก 141 เมืองที่ใช้เทคโนโลยีเพื่อแก้ปัญหาให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
นโยบาย “Smart Nation” ของสิงคโปร์
สิงคโปร์ ประเทศเล็ก ๆ ที่มีพื้นที่ใกล้เคียงกับเกาะภูเก็ตของไทย แต่ได้รับการยอมรับระดับโลกว่าเป็นเมืองอังฉริยะต้นแบบ จากนโยบาย “Smart Nation” ที่ต่อยอดความสำเร็จมาจากแผนพัฒนาประเทศที่ชื่อว่า “Intelligent Nation 2015” โดยมีเป้าหมายสำคัญที่จะผลักดันและส่งเสริมให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี โดยอาศัยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า จึงได้จัดตั้ง Smart Nation Programme Office ทำหน้าที่ในการกำกับดูแล เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงการบริการแบบออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพทั่วทุกแห่งในสิงคโปร์
สำหรับนโยบาย “Smart Nation” จะแบ่งความอัจฉริยะออก 3 องค์ประกอบหลักด้วยกัน ได้แก่ Smart Mobility , Smart Healthcare และ Smart Education
1. Smart Mobility
สิงคโปร์ถือเป็นประเทศหนึ่งที่มีระบบขนส่งสาธารณะที่ทันสมัยแห่งหนึ่งในโลก ได้นำเอาเทคโนโลยีมาบูรณาการโครงสร้างการคมนาคมในประเทศและบริหารระบบขนส่งมวลชน โดยนำเอาข้อมูลสาธารณะ (Open Data) เช่น ข้อมูลจากบัตรค่าโดยสาร ข้อมูลการจราจร ข้อมูลจากเซ็นเซอร์ในยานพาหนะ มาใช้ในการวิเคราะห์และวางแผนระบบขนส่ง เพื่อการอำนวยความสะดวกในการใช้ระบบขนส่งสาธารณะผ่านระบบตั๋วอัจฉริยะอย่างการ์ด EZ-Link บัตรแทนเงินสด ที่นอกจากจะใช้จ่ายค่าโดยสารได้ทุกระบบแล้ว ยังใช้จ่ายได้ทั่วไปด้วย เพื่อลดการสัมผัสและใช้เงินสดด้วยด้วย รวมทั้งยังใช้นวัตกรรมควบคุมรถไฟอัตโนมัติ ระบบส่งสัญญาณอัจฉริยะ และการแสดงข้อมูลรถไฟแบบเรียลไทม์ ทำให้ผู้ใช้บริการสามารถวางแผนการเดินทางและลดความแออัด ไม่เพียงเท่านั้นยังการให้ข้อมูลการจราจรแบบเรียลไทม์ เพื่อแก้ปัญหาการจราจรติดขัด และมีแอปพลิเคชัน “parking.sg” ระบบคำนวณค่าที่จอดรถ ชำระค่าที่จอดระ และขยายเวลาจอดรถ
รวมถึงยังมีบริการแท็กซี่ไร้คนขับที่มีโดรนติดตามเพื่อความปลอดภัย ซึ่งสามารถเรียกใช้บริการได้ผ่านแอปพลิเคชันที่ออกแบบเป็นพิเศษ หรือการให้ข้อมูลการจราจรแบบเรียลไทม์ เพื่อแก้ปัญหาการจราจรติดขัด นอกจากนี้หน่วยงานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และการวิจัย (A*Star) ยังได้ใช้เทคโนโลยีเซ็นเซอร์ สร้างยานพาหนะแบบอัตโนมัติเพื่อช่วยเหลือผู้สูงอายุและบุคคลทุพลภาพในการเดินทางด้วย
ที่สำคัญสิงคโปร์มีความโดดเด่นเรื่องความปลอดภัยในที่สาธารณะ เพราะมีการติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) มากกว่า 100,000 ตัวตามที่สาธารณะ เพื่อเพิ่มความปลอดภัย ไม่เพียงเท่านั้นยังมีเทคโนโลยีการจัดจำใบหน้าและไบโอเมตริกซ์ ในการช่วยระบุและติดตามภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นในเมืองด้วย
อีกจุดเด่นสำคัญของสิงคโปร์เลยก็คือการบริหารจัดการขยะใน ด้วยการสนับสนุนให้ประชาชนนำขยะไปรีไซเคิลและทำปุ๋ยหมัก รวมถึงนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาผสมผสาน โดยการสร้างโรงงานพลังงานขยะที่แปลงขยะเป็นไฟฟ้า (Waste to Energy Plants(WTE) ที่ชื่อว่าสถานีถ่ายโอนขยะ Tuas Marine (TMTS) ที่เกาะเซมาเกา ทางใต้ของสิงคโปร์ ถือเป็นอีกไอเดียน่าสนใจที่ท้องถิ่นจะนำมาปรับใช้ในการบริหารจัดการขยะในชุมชุมเพื่อสร้างท้องถิ่นดิจิทัล
2. Smart Healthcare
สิงคโปร์เป็นประเทศที่ได้ชื่อว่ามีระบบการดูแลสุขภาพที่ดีอันดับต้น ๆ ของโลก มีแพลตฟอร์มที่อำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่ชื่อว่า e-health ประกอบไปด้วยงานบริการความสะดวกให้ประชาชนที่ครบครัน ซึ่งเราอาจนำเทคโนโลยีที่คุ้นเคยมาปรับใช้ในการบริหารจัดการด้านสาธารณสุขในท้องถิ่นดิจิทัลของเราได้หลายอย่าง เช่น
- HealthHub: ระบบออนไลน์ที่สามารถดูภาพรวมสุขภาพ การนัดหมายและการแจ้งเตือนเกี่ยวกับสุขภาพตนเอง
- ระบบดูแลสุขภาพจากระยะไกล (Telehealth): ท่ีให้ผู้ป่วยตรวจวัดสุขภาพตนเอง เช่น วัดความดันเลือด แล้วส่งผลไปที่แพทย์ของโรงพยาบาล ซึ่งแพทย์จะให้คำแนะนำกลับไปทันที ซึ่งทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลได้ง่ายทุกพื้นที่
- TeleRehab: ระบบช่วยออกกำลังกายที่บ้านของตนเอง โดยต้องใส่อุปกรณ์ Internet of Things (IoT) เพื่อติดตามความคืบหน้าและส่งข้อมูลไปยังนักบำบัดผ่านเครือข่ายไร้สาย
นอกจากนี้ยังมีระบบเวชระเบียนอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ ที่ช่วยให้สถานพยาบาลและแพทย์สามารถเข้าถึงประวัติการรักษาของผู้ป่วยได้ทุกคน ไม่ว่าจะรักษาจากที่ใดมา ทำให้เพิ่มประสิทธิภาพในการรักษา และลดเวลา รวมถึงค่าใช้จ่ายการรอคอยให้ผู้ป่วย
ผู้สูงอายุ คือกลุ่มคนสำคัญที่สิงคโปร์ออกแบบระบบมาเพื่อดูแล โดยได้พัฒนาระบบ Elderly Monitoring System (EMS) ไว้สำหรับดูแลผู้สูงอายุ ในการใช้เซนเซอร์ติดตามจุดต่าง ๆ ที่บ้าน เพื่อคอยจับตาดูความเคลื่อนไหว หากพบความผิดปกติ จะแจ้งเตือนไปยังครอบครัวและทีมแพทย์ในการให้ความช่วยเหลือทันที อีกทั้งยังมีการออกแบบ Chatbot ช่วยคลายเหงาให้กับผู้สูงวัยด้วย
3. Smart Education
การสร้าง Smart Nation ที่สมบูรณ์ ส่วนสำคัญคือประชาชนทุกคนที่ร่วมมือร่วมใจ เช่นเดียวกับท้องถิ่นของเรา ก็ต้องอาศัยความร่วมมือจากคนในพื้นที่ เพื่อยกระดับเป็นท้องถิ่นดิจิทัล อย่างสิงคโปร์ต้องการให้ทุกคนในประเทศใช้เทคโนโลยีเป็น จึงผลักดันการใช้เทคโนโลยีผ่านการเรียนรู้ตั้งแต่เด็ก เช่น โปรแกรม IDA Hive and Technology Associates Program เรียนรู้การพัฒนาซอฟต์แวร์ การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก และความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์, โปรแกรม TechSkills Accelerator การให้ความรู้โดยใช้ปัญญาประดิษฐ์, ระบบ Learning Portfolio ที่นักเรียนระดับมัธยมขึ้นไปจะต้องมี เพื่อประเมินลักษณะเฉพาะบุคคล ช่วยแนะนำแนวทางการศึกษาและการทำงาน
ที่สำคัญมีแอปพลิเคชัน Smart Nation พัฒนาโดยรัฐบาลสิงคโปร์ เพื่อให้พลเมืองสิงคโปร์เชื่อมต่อกับรัฐบาลและเข้าถึงบริการและข้อมูลที่สำคัญ ประกอบไปด้วย
- ข้อมูลระบุตัวตนดิจิทัล: ข้อมูลระบุตัวตนดิจิทัล เพื่อใช้ในการเข้าถึงบริการต่าง ๆ ของรัฐบาล
- บริการภาครัฐ: การใช้บริการภาครัฐแบบออนไลน์ เช่น ชำระค่าปรับ ต่ออายุหนังสือเดินทาง และจองสถานที่ราชการ
- ข้อเสนอแนะและการรายงาน: ช่องทางในการแสดงความคิดเห็นและรายงานปัญหาต่าง ๆ
- ข้อมูลส่วนบุคคล: ข้อมูลส่วนบุคคลตามตำแหน่ง พร้อมข่าวสารและกิจกรรมตามความสนใจของผู้ใช้
- ข้อมูลฉุกเฉิน: ศูนย์แจ้งข่าวสารเหตุการณ์และภัยพิบัติแบบเรียลไทม์ในพื้นที่ของผู้ใช้
นอกจากนี้ยังจัดสรรพื้นที่เพื่อการเรียนรู้ด้านเทคโนโลยี อย่างย่าน Punggol Digital District พื้นที่รวมสถาบันเทคโนโลยีแห่งสิงคโปร์กับเขตเศรษฐกิจ เพื่อส่งเสริมการพัฒนาความปลอดภัยทางไซเบอร์และเทคโนโลยี IoT
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งในการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ในประเทศของสิงคโปร์ จนทำให้กลายเป็นศูนย์กลางทางการเงินอันดับต้น ๆ ของโลก ถือเป็นอีกเมืองตัวอย่างที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหรือผู้ที่เกี่ยวข้องที่ต้องการพัฒนาท้องถิ่นดิจิทัล สอดคล้องไปกับแผนพัฒนารัฐบาลดิจิทัลของประเทศไทย พ.ศ. 2566-2570 เพื่อยกระดับการบริหารจัดการและการให้บริการประชาชนอย่างทั่วถึง พร้อมสร้างเมืองน่าอยู่อย่างยั่งยืนให้เกิดขึ้นในชุมชนของเรา
ขอบคุณข้อมูล
https://www.smartnation.gov.sg
https://www.novatr.com/blog/singapore-world-smartest-city