เปิดประตูสู่ท้องถิ่นอัจฉริยะ ด้วยเช็กลิสต์ประเมินท้องถิ่นของตนเองก่อนวางยุทธศาสตร์และแผนงานด้านดิจิทัล

ปัจจุบัน การทำงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไม่ได้จำกัดอยู่แค่การบริหารและบริการโครงสร้างพื้นฐานอีกต่อไป แต่ต้องเผชิญกับปัญหาที่ซับซ้อนและความคาดหวังของประชาชนที่สูงขึ้น การก้าวสู่ “ท้องถิ่นอัจฉริยะ” จึงกลายเป็นเป้าหมายสำคัญของหลายพื้นที่
เบดร็อค อนาไลติกส์ ขอเชิญผู้นำและผู้บริหารท้องถิ่นมาประเมินความพร้อมของพื้นที่ตนเอง ทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลและศักยภาพของบุคลากร เพื่อวางยุทธศาสตร์และแผนงานด้านดิจิทัลให้ตรงเป้าหมาย พร้อมช่วยชี้จุดแข็ง ช่องว่าง และโอกาสในการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน ผ่านชุดคำถามสำคัญที่สรุปจากคู่มือพัฒนาเมืองอัจฉริยะ
โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล
โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล เป็นรากฐานสำคัญที่ต้องเตรียมให้พร้อมก่อนลงมือพัฒนาเมืองอัจฉริยะ ไม่ว่าจะเป็นระบบฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ รวมถึงกระบวนการจัดการข้อมูล โดยก่อนจะวางแผนยุทธศาสตร์ด้านดิจิทัล เพื่อให้ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลได้อย่างเต็มศักยภาพ ควรเริ่มจากการสำรวจโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของท้องถิ่นผ่าน 4 คำถามสำคัญต่อไปนี้
1. ปัจจุบันมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาบริหารจัดการงานใดบ้าง
การใช้เทคโนโลยีแบบซ้ำซ้อนหรือไม่ตรงจุด อาจทำให้สิ้นเปลืองงบประมาณโดยไม่เกิดผลคุ้มค่า ฉะนั้น ก่อนลงทุนหรือพัฒนาเทคโนโลยีเพิ่มเติม ท้องถิ่นควรสำรวจว่าในปัจจุบันได้ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในด้านใดบ้าง และใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่ เช่น กล้องวงจรปิดเพื่อความปลอดภัย เซนเซอร์ IoT ตรวจวัดคุณภาพอากาศ หรือระบบรับเรื่องร้องเรียนออนไลน์ที่ช่วยให้ประชาชนเข้าถึงบริการได้สะดวกขึ้น เป็นต้น เพื่อประเมินจุดแข็ง จุดอ่อน และช่องว่างของระบบเดิม พร้อมนำไปปรับปรุงและวางแผนต่อยอดเทคโนโลยีได้อย่างตรงเป้าหมายและเกิดประโยชน์สูงสุด
2. มีการจัดเก็บข้อมูลจากเทคโนโลยีดิจิทัลที่นำมาใช้หรือไม่
เทคโนโลยีดิจิทัลที่นำมาใช้จะไม่เกิดประโยชน์อย่างเต็มที่ หากขาดการจัดเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบ ท้องถิ่นจึงควรสำรวจว่ามีการจัดเก็บข้อมูลจากเทคโนโลยีดิจิทัลที่นำมาใช้หรือไม่ จัดเก็บอยู่ในรูปแบบใด และมีความต่อเนื่องเพียงใด
หากพบว่าการจัดเก็บยังไม่ครอบคลุมหรือไม่เป็นระบบ อาจจะต้องลงทุนระบบจัดเก็บและบริหารจัดการข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อนำข้อมูลมาใช้วิเคราะห์ ติดตามสถานการณ์ และวางแผนเชิงรุกได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การใช้คลาวด์ การจัดทำแพลตฟอร์มดิจิทัลข้อมูลเมือง
3. มีการนำข้อมูลที่ได้จากเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ประโยชน์อย่างไรบ้าง
การมีข้อมูลจำนวนมากไม่สามารถการันตีได้ว่าจะพัฒนาเมืองอัจฉริยะได้อย่างยั่งยืน หากข้อมูลเหล่านั้นไม่ถูกนำมาใช้ในการตัดสินใจ วางแผน หรือบริหารจัดการ ทั้งในระดับนโยบายและการปฏิบัติ ท้องถิ่นจึงควรสำรวจว่ามีการนำข้อมูลจากเทคโนโลยีดิจิทัลไปใช้ประโยชน์ในด้านใดบ้าง เช่น การเชื่อมโยงข้อมูลกับหน่วยงานอื่น การวิเคราะห์แนวโน้ม การแจ้งเตือนล่วงหน้า หรือการสนับสนุนการตัดสินใจ
หากพบว่ายังไม่มีการนำข้อมูลมาใช้อย่างเป็นรูปธรรม อาจต้องวางกลไกในการจัดการข้อมูลที่ได้จากเทคโนโลยีดิจิทัล เช่น การสร้างแดชบอร์ดสำหรับผู้ใช้งาน การพัฒนาระบบวิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้น เป็นต้น
4. มีการจัดเก็บข้อมูลในรูปแบบดิจิทัลหรือไม่ อะไรบ้าง
การจัดเก็บข้อมูลในรูปแบบเอกสารกระดาษหรือกระจัดกระจาย ทำให้ยากต่อการเรียกใช้ วิเคราะห์ และต่อยอดเชิงนโยบาย การสำรวจว่าท้องถิ่นมีระบบจัดเก็บข้อมูลแบบดิจิทัลหรือไม่ ครอบคลุมเรื่องใดบ้าง เช่น สภาพอากาศ การจราจร สาธารณูปโภค หรือสถานการณ์ภัยพิบัติ จะช่วยให้เห็นความพร้อมในการพัฒนาเมืองบนฐานข้อมูลที่ครบถ้วน เป็นปัจจุบัน และแม่นยำ
หากพบว่ายังไม่มีการจัดเก็บที่เป็นระบบ หรือข้อมูลส่วนใหญ่ยังไม่ถูกแปลงเป็นดิจิทัล ควรเริ่มวางแผนแปลงข้อมูลที่สำคัญให้เป็นดิจิทัลอย่างเป็นระบบ พร้อมรวมศูนย์ไว้ในฐานข้อมูลกลาง เพื่อให้ง่ายต่อการนำไปวิเคราะห์ ประมวลผล และใช้ร่วมกันภายในองค์กร
ทักษะด้านดิจิทัลของบุคลากร
แม้จะมีโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่ดี แต่หากไม่มีคนที่พร้อมใช้และรู้เท่าทันเทคโนโลยีดิจิทัล ก็ไม่อาจขับเคลื่อนท้องถิ่นไปสู่ท้องถิ่นอัจฉริยะได้อย่างมีประสิทธิภาพ ท้องถิ่นจึงควรเริ่มต้นด้วยการสำรวจศักยภาพบุคลากรผ่าน 3 คำถามสำคัญนี้
1. เคยจัดกิจกรรมหรืออบรมให้ประชาชนใช้งานระบบดิจิทัลหรือไม่
ระบบดิจิทัลที่ท้องถิ่นนำมาใช้จะไร้ผลทันที หากประชาชนไม่รู้จัก ไม่เข้าใจ หรือไม่กล้าใช้ ดังนั้นท้องถิ่นจึงควรเริ่มจากการสำรวจว่าท้องถิ่นเคยจัดกิจกรรมถ่ายทอดความรู้ให้การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลของท้องถิ่นให้กับประชาชนอย่างไรบ้าง เพื่อสร้างพลเมืองดิจิทัล
โดยเริ่มจากการสื่อสารและปลูกฝังความรู้ความเข้าใจด้านดิจิทัล (digital literacy)ให้แก่ประชาชนในพื้นที่ เช่น ใช้สื่อโซเชียลมีเดีย เว็บไซต์ จัดเวทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับประชาชน สภากาแฟหรือการประชุมชุมชน สร้างเครือข่ายพันธมิตร เป็นต้น
2. มีบุคลากรที่เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีหรือไม่ จำนวนเท่าไร
แม้ท้องถิ่นจะมีแพลตฟอร์มหรือเครื่องมือดิจิทัลครบถ้วน แต่หากไม่มีเจ้าหน้าที่ที่มีความรู้ความเข้าใจเพียงพอ ก็ไม่สามารถใช้งาน ดูแล หรือพัฒนาต่อยอดระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในท้องถิ่นขนาดเล็กที่มักประสบปัญหาขาดบุคลากรเฉพาะทาง เช่น นักวิชาการคอมพิวเตอร์หรือนักสถิติ
การสำรวจจำนวนและความเชี่ยวชาญของบุคลากรด้านเทคโนโลยีจึงเป็นก้าวแรกในการประเมินความพร้อมของทีม และเป็นข้อมูลสำคัญในการทบทวนและปรับปรุงแผนการพัฒนาด้านทรัพยากรบุคคลให้สอดรับกับยุคดิจิทัล เช่น การสรรหาเจ้าหน้าที่เฉพาะทางเพิ่มเติม การเลือกใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในรูปแบบเช่าบริการ เพื่อทดแทนการจ้างบุคลากรที่เชี่ยวชาญ เป็นต้น
3. มีการฝึกอบรมด้านเทคโนโลยีให้แก่บุคลากรของท้องถิ่นในด้านใดบ้าง
การอบรมจะช่วยให้เจ้าหน้าที่มีทักษะที่ทันสมัย รู้เท่าทันเทคโนโลยี และสามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้จริง ทั้งในการใช้งานระบบ วางแผนโครงสร้าง และวิเคราะห์ข้อมูล ดังนั้น ก่อนจะวางกลยุทธ์หรือขับเคลื่อนนโยบายดิจิทัล ควรสำรวจว่า ที่ผ่านมาได้มีการฝึกอบรมบุคลากรในเรื่องใดบ้าง เช่น การใช้โปรแกรมพื้นฐาน การจัดเก็บข้อมูล หรือความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์
หากพบว่ายังทำไม่เกิดผล ควรพิจารณาหาแนวทางเพิ่มเติม เพื่อยกระดับศักยภาพบุคลากรให้รองรับยุคดิจิทัล เช่น การสนับสนุนให้เรียนหลักสูตรเฉพาะทาง การอบรมระยะสั้น หรือศึกษาดูงานในพื้นที่ต้นแบบ
การสำรวจความพร้อมทางดิจิทัลขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น คือก้าวแรกที่สำคัญสู่การวางกลยุทธ์พัฒนา “ท้องถิ่นอัจฉริยะ” หากมีจุดใดที่ยังไม่ได้เริ่มต้นขับเคลื่อนท้องถิ่นสู่เมืองที่ชาญฉลาด เบดร็อค อนาไลติกส์ พร้อมเป็นพันธมิตรให้คำปรึกษาและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางข้อมูล รวมถึงแพลตฟอร์มเทคโนโลยีอัจฉริยะให้กับท้องถิ่นของคุณ สามารถติดต่อได้ที่อีเมล: [email protected] หรือ LINE หรือ Facebook